โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB)คาดช่วงครึ่งปีหลังยังทำกำไรสุทธิเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากครึ่งปีแรกมีกำไร 21,200 ล้านบาท เติบโต 81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสินเชื่อเติบโตแล้ว 11% โดยมองว่าการปล่อยสินเชื่อที่ยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง แม้อัตราการเติบโตจะไม่สูงเท่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากอาจไม่เห็นดีลสินเชื่อรายใหญ่
ทั้งนี้ มองปี 54 SCB จะสามารถทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ 35,000-38,000 ล้านบาท จากนโยบายการปล่อยสินเชื่อในเชิงรุก และการเข้าซื้อ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์SCBLIF)เข้ามาช่วยหนุนรายได้และกำไร
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.กรุงศรีฯ ซื้อ 137.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 141.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 157.50 บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 154.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 150.00 บล.ฟาร์อีสท์ ซื้อ 147.00
นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองปีนี้ SCB จะสามารถทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของธนาคารและของระบบธนาคารพาณิชย์ โดยช่วงครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิเติบโตแล้ว 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดทั้งปีกำไรสุทธิมีโอกาสแตะที่ 38,000-39,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อทั้งปี คาดว่าเติบโตได้ถึง 15% จากครึ่งปีแรกที่เติบโตได้ 11%
อย่างไรก็ตามมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังการทำกำไรและสินเชื่อคงเติบโตได้ไม่เท่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/54 ธนาคารมีดีลสินเชื่อรายใหญ่ และมีกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ (SCBLIF) ขณะที่ครึ่งปีหลังจะเป็นการกำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่แท้จริง และยังไม่เห็นมีดีลสินเชื่อรายใหญ่
“การเข้าซื้อ SICCO-SSEC ไม่ได้มีผลกระทบต่อกำไรแบงก์เลย เพราะเป็นบริษัทขนาดเล็ก เพราะสำคัญแบงก์มองแล้วหากขายคงไม่ได้ราคา ซื้อมาแล้วบริหารจัดการจัดโครงสร้างใหม่น่าจะดีกว่า...ตอนนี้ jigsow ที่แบงก์ซื้อ SCBLIFE น่าจะทำให้ธุรกิจครบวงจรแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์จากการรวมกลุ่มมากที่สุด" นายธนัท กล่าว
ทั้งนี้ปีนี้สินเชื่อ Corporate มาแรง ทำให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มีความได้เปรียบมากกว่า รวมถึงดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ได้ประโยชน์ แม้จะมีการแข่งขันระดมเงินฝากรุนแรง แต่ยังมีความได้เปรียบ และไม่มีแรงกดดันเท่าธนาคารขนาดเล็ก
นางสาวศิริพร ไกรรส นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูไนเต็ด ออกบทวิเคราะห์ว่า จากการปล่อยสินเชื่อของ SCB ในครึ่งปีแรกที่เติบโต 11% สะท้อนถึงความต้องการในเชื่อในตลาดที่มีจำนวนมากในปีนี้ และเชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อของ SCB จะสูงที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ จากนโยบายเร่งรุกสินเชื่อ และคาดว่าปีนี้ ธนาคารจะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 33,520 ล้านบาท หรือเติบโต 38% จากปี 53
ส่วนการซื้อ SCBLIF จะเข้ามาช่วยหนุนรายได้จากธุรกิจประกันชีวิต และผลักดันกำไรทั้งปีให้เติบโตแบบก้าวกระโดด ประกอบกับดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้ NIM สูงขึ้น
“แต่ครึ่งปีหลังเชื่อว่ากำไรไม่น่าจะโตเท่าครึ่งปีแรก เพราะไม่มีกำไรพิเศษ และอาจไม่เห็นการปล่อยสินเชื่อในดีลใหญ่ๆ แต่ถ้าคิดเป็นกำไรปกติก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง"
บทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลัง ยังเป็นไปในเชิงรุก เพราะเข้าสู่ฤดูกาลส่งออกของธุรกิจ SME ธนาคารมีสัดส่วนสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวประมาณ 15% ของสินเชื่อรวม จึงคาดหวังว่า SCB จะมีการปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อทั้งปี 54 เนื่องจากเป้าหมายเดิมค่อนข้าง conservative มาก
ทั้งนี้แนะนำซื้อด้วยราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2554 ที่ 154 บาท อิง PBV 2.88 เท่า ภายใต้คาดการณ์ ROE ระยะยาวที่ 18% เนื่องจากกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เป็นไปในเชิงรุก เห็นได้จากการเข้าถือหุ้นเพิ่มใน SCBLIF รวมเป็นสัดส่วน 94.66% เพื่อรุกธุรกิจประกันชีวิตอย่างเต็มตัว และการวางเป้าหมายเป็น 1 ใน 3 ของการปล่อยสินเชื่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ SME และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า จึงสมควรที่หุ้น SCB จะซื้อ-ขายกันที่ระดับ PBV สูงสุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์