ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ ยังไม่สามารถตกลงกับผู้นำในสภาคองเกรสในเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้และอาจจะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.2% ปิดที่ 271.47 จุด ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นบลูชิพในตลาดยุโรปร่วงลง 0.38% แตะที่ 1,104.74 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 29.73 จุด หรือ 0.77% ปิดที่ 3,812.97 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,808.16-3,845.06 จุด และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีดีดขึ้น 18.15 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 7,344.54 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,258.52-7,366.78 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโอบามา นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ นายแฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าสหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้และอาจจะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA
หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปร่วงลง หลังจากมูดีส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือกรีซลง 3 ขั้น สู่ระดับ Ca จาก Caa1 โดยหุ้นเด็กเซีย ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเบลเยียม รว่งลง 8.2% หุ้นธนาคารป๊อปปูเล เดอ มิลาโน ร่วงลง 8.3% หุ้นธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ร่วงลง 4.5% หุ้นธนาคารอินเทซา ซานเปาโล ร่วงลง 8.3% และหุ้นธนาคารยูนิเครดิต เอสพีเอ ร่วงลง 7.1%
หุ้นไรอัน แอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่สุดของยุโรป ร่วงลง 1.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากผลกระทบของต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
หุ้นเฟียต อินดัสเทรียล เอสพีเอ พุ่งขึ้น 5% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2554 ขณะที่หุ้นโรช โฮลดิงส์ ดีดตัวขึ้น 2% หลังจากนักวิเคราะห์ของเมอร์ริล ลินช์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว