ก.ล.ต.กระตุ้นใช้ตลาดทุนเพิ่มขีดความสามารถภาคธุรกิจโตไปพร้อมเอเชีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 26, 2011 14:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนและองค์กรชั้นนำในตลาดทุนโดยการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ว่า ใน 10-20 ปีข้างหน้าภูมิภาคเอเชียจะมีบทบาทสูงมากต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก การค้าขายระหว่างภูมิภาคจะเพิ่มมากขึ้น มีการลงทุนด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและเป็นศูนย์การผลิตของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงขึ้นมาก ซึ่งจะมีผลต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและเงินลงทุนภายในภูมิภาค

ทั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะต้องหาวิธีในการใช้ตลาดทุนเข้ามามีส่วนในการเพิ่มขีดความสามารถของภาคธุรกิจและตอบสนองความต้องการของประเทศและภูมิภาคได้ โดยสิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ การอำนวยความสะดวก ลดอุปสรรคการระดมทุน ส่งเสริมช่องทางการระดมทุนสำหรับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก เร่งสร้างกองทุนรวมเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ลดภาระทางการเงินของรัฐบาล รวมทั้งสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดทุน

นอกจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญเรื่องการคอร์รัปชั่น ซึ่งได้มีกำหนด Road Map ในการต่อต้านคอร์รัปชั่น การเปิดเผยข้อมูล ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยปัจจุบันการทำหน้าที่ตรวจสอบของ ก.ล.ต.เป็นไปอย่างเข้มข้น นักลงทุนไม่ต้องกังวล เพราะมีทีมงานตรวจสอบเงินการเงินถึง 20 คนคอยติดตามตรวจสอบบริษัทจดทะเบียนที่ต้องสงสัยกว่า 60 แห่ง และหากพบความผิดปกติจะดำเนินการทันที

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันยกร่าง Road map แผนงานยกระดับตลาดทุนไทย คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 เดือน เพื่อนำเสนอรัฐบาลใหม่ โดยแผนงานที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกคือ การแปรรูปตลาดทุนไทย เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะให้ความสำคัญและการแปรรูปน่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลาย 55-ต้นปี 56

การแปรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ จะส่งผลดีต่อตลาดทุนไทย เพื่อสร้างเป็นศูนย์กลางการระดมทุน และเป็นตลาดทุนในระดับภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งต้องการให้ผู้ประกอบการไทยที่ลงทุนในประเทศแถบอินโดจีนนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียน รวมทั้งผู้ประกอบการในประเทศแถบอินโดจีนก็สามารถจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

"การจัดทำแผนครั้งนี้ถือเป็นการวางแผนข้างหน้าของประเทศให้มีศักยภาพในระดับอินโดจีนเรื่องของตลาดทุนเพราะอนาคตอินโดจีนจะมีส่วนกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกเราจึงต้องเตรียมความพร้อม"นายไพบูลย์ กล่าว
ส่วนการต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นประเด็นที่สำคัญอันดับสองรองจากการแปรรูป ซึ่งทุกฝ่ายให้ความสำคัญในเรื่องนี้โดยต้องมีมาตรการให้การคอร์รัปชั่นยากลำบากขึ้นและควรมีมาตรการลงโทษทั้งผู้ให้และผู้รับซึ่งจะเป็นการออกกฎเกณฑ์กับบริษัทจดทะเบยนและบริษัทไม่จดทะเบียน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ