ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาหนี้สหรัฐ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 91.50 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 27, 2011 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) เนื่องจากผู้นำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าสหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ และอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 91.50 จุด หรือ 0.73% ปิดที่ 12,501.30 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 5.49 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 1,331.94 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 2.84 จุด หรือ 0.10% แตะที่ 2,839.96 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.7 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

สำนักซินหัวรายงานว่า แม้ผู้นำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตพยายามหลีกเลี่ยงที่จะสร้างความวิตกกังวลให้กับตลาดการเงิน แต่ผู้นำของทั้งฝ่ายก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง โดยพรรครีพับลิกันพยายามผลักดันแผน 2 ฉบับที่จะทำให้เพดานหนี้ของรัฐบาลกลางปรับเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรคเดโมแครตกลับไม่เห็นด้วย และพยายามผลักดันให้รัฐบาลลดยอดขาดดุลงบประมาณลงให้ได้ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ภายหลังการเลือกตั้งในปีหน้า

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกแถลงการณ์ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ทั่วสหรัฐเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะได้รับความเสียหายอย่างหนักหากรีพับลิกันและเดโมแครตไม่สามารถประนีประนอมกันได้ในเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้

"ถ้าเรายังย่ำอยู่บนแนวทางเดิมๆในปัจจุบัน หนี้สินที่พอกพูนขึ้นจะทำให้ประชาชนตกงาน และจะสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของเรา" โอบามากล่าว

สหรัฐมียอดเงินกู้ชนเพดานหนี้ที่ระดับ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงคลังสหรัฐระบุว่า สหรัฐอาจเริ่มเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ซึ่งหมายความว่าพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมีเวลาเหลือไม่ถึง 1 สัปดาห์ในการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับปัญหานี้

นักวิเคราะห์กังวลว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก อาจจะสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก และอาจจะทำให้สหรัฐต้องสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่อย่างเอสแอนด์พี และมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้แล้วว่า มูดีส์และเอสแอนด์พีอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ หากยังไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนกำหนดวันที่ 2 ส.ค.

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นและช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ให้สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ หลังจากบริษัท บรอดคอม คอร์ป ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3 เนื่องจากความต้องการชิพปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นบรอดคอมทะยานขึ้น 9.4% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวเซส (เอเอ็มดี) และหุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ปรับตัวขึ้นประมาณ 1%

ส่วนหุ้น 3M ร่วงลง 5.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทลดน้อยลง

หุ้นยูพีเอส อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 3.3% หลังจากเปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐอาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของยูพีเอส ขณะที่หุ้นเฟดเอ็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งของยูพีเอส ร่วงลง 1%

คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59.5 จุด จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 57.6 จุด

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย., ธนาคารกลางสหรัฐสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนมิ.ย. และธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book

วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2, สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์กเดือนก.ค. และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ