ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) หลังจากบีจี กรุ๊ป และแกล็กโซสมิทไคล์นเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมทั้งรายงานที่ว่าเศรษฐกิจอังกฤษยังสามารถขยายตัวได้ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการที่น้อยเกินคาดของบริษัท บีพี และการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ยังไม่มีความคืบหน้า
ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 4.47 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 5,929.73 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทบางแห่ง รวมถึงบีจี กรุ๊ป ผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของอังกฤษ และแกล็กโซสมิทไคล์น ผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ โดยหุ้นบีพีพุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 27% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ขณะที่หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์นดีดตัวขึ้น 0.7% เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทสูงกว่าการคาดการณ์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษที่ระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษขยายตัว 0.2% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเดอเบียร์ส ผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ของโลก ซึ่งแองโกล อเมริกันถือหุ้นอยู่ 45% นั้น รายงานยอดขายที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรก
อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการที่น้อยเกินคาดของบีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของยุโรป โดยหุ้นบีพีดิ่งลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ที่น้อยเกินคาด
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบจากการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าสหรัฐอาจจะผิดนัดชำระหนี้หรืออาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ