ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทหลายแห่ง รวมถึงบีพี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของยุโรป และธนาคคารยูบีเอส เอจี นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากการเจรจาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐที่ยังไม่มีความคืบหน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.4% แตะที่ 270.08 จุด ดัชนี FTSEurofirst 300 กลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปร่วงลง 0.34% ปิดที่ 1,100.97 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดร่วง 25.09 จุด หรือ 0.66% แตะที่ 3,787.88 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,767.53-3,835.10 จุด
อย่างไรก็ตาม ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดบวก 4.91 จุด หรือ 0.07% แตะที่ 7,349.45 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,302.50-7,382.80 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวก 4.47 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 5,929.73 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า วิกฤตหนี้ยุโรปและปัญหาเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ อาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
นักลงทุนผิดหวังต่อผู้ประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง รวมถึงบีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของยุโรป โดยหุ้นบีพีดิ่งลง 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ที่น้อยเกินคาด ขณะที่หุ้นธนาคารยูบีเอส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ ดิ่งลงกว่า 2.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาดเช่นกัน
หุ้นเอสทีเอ็มไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ดิ่งลง 12% หลังจากจายคาร์โล โบซอตติ ซีอีโอของเอสทีเอ็มไมโครอิเล็กทรอนิกส์คาดว่า ยอดขายและอัตราส่วนกำไรในไตรมาส 3 ของบริษัทจะปรับตัวลดลง