ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกปัญหาหนี้สหรัฐ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 198.75 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 28, 2011 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) เนื่องจากความไม่คืบหน้าเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐทำให้นักลงทุนกังวลว่า สหรัฐอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมในตลาดพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นและจะทำให้สหรัฐต้องผิดนัดชำระหนี้ในที่สุด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลที่อ่อนแอของรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้ง 12 เขต และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ของสหรัฐที่ร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 198.75 จุด หรือ 1.59% ปิดที่ 12,302.55 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 27.05 จุด หรือ 2.03% ปิดที่ 1,304.89 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 75.17 จุด หรือ 2.65% ปิดที่ 2,764.79 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า โดยล่าสุดมีรายงานว่าสำนักงานงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) เตือนว่า แผนงบประมาณที่วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันพยายามผลักดันอยู่นั้น จะไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณได้มากเท่ากับที่ประมาณการไว้ ซึ่งคำเตือนดังกล่าวทำให้นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ต้องนำแผนดังกล่าวกลับมาทบทวนใหม่และเลื่อนการโวตแผนงบประมาณออกไปอีก

ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สภานิติบัญญัติยังไม่ยอมประนีประนอมเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าสหรัฐอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า แผนการปรับลดการขาดดุลงบประมาณที่กลายมาเป็นปัญหาค้างคาทางการเมืองของสหรัฐนั้น อาจทำให้สหรัฐต้องสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA และทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องแบกรับความเสียหายเป็นเงินสูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์/ปี ซึ่งจะฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เจพีมอร์แกนประมาณการว่า หากสหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของสหรัฐสูงขึ้น โดยจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นประมาณ 0.60-0.70% ในระยะกลาง

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ เนื่องจากมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า รัฐสภาสหรัฐจะไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางได้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 2 ส.ค.นี้ ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ หรือ เอสแอนด์พี เตือนว่ามีโอกาส 50% ที่อันดับความเชื่อถือของสหรัฐจะถูกปรับลดจากระดับสูงสุดที่ AAA ในช่วงสามเดือนจากนี้ หากรัฐสภาสหรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลได้

นอกจากปัญหาเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้แล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี ร่วงลง 2.1% ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เนื่องจากยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ด้านการขนส่งทรุดตัวลงอย่างหนัก

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซามากขึ้นเมื่อเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจขยายตัวเพียงปานกลางในเดือนมิ.ย.และต้นเดือนก.ค. ขณะที่ตลาดแรงงานทั่วประเทศยังคงอ่อนแอ

หุ้น Amazon.com Inc ซึ่งเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกออนไลน์ปรับตัวขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่สูงเกินคาด ขณะที่หุ้นจูปิเตอร์ เน็ตเวิร์คส ดิ่งลง 20.9% ซึ่งร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยเกินคาด

ส่วนหุ้น Dunkin`Brands Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของธุรกิจเครือข่ายร้านขนม Dunkin` Donuts และร้านไอสครีม Baskin-Robbins ทะยานขึ้น 46.6% ในการซื้อขายวันแรกที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2, สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์กเดือนก.ค. และสมาคมผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อแห่งชาติ (NAPM) จะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ