ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของสหรัฐ หลังจากผู้นำสภาคองเกรสและประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข่าวสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 5856.58 จุด ร่วงลง 73.15 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของสหรัฐ นับตั้งแต่ผู้นำสภาคองเกรสและประธานาธิบดีโอบามายังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าสหรัฐอาจจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังร่วงลงหลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลง 1 ขั้นสู่ระดับ CC จากระดับ CCC โดยระบุว่า กรีซอาจจะ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน (selective default)" แม้ว่ากรีซได้รับความช่วยเหลือรอบที่สองจากอียูและไอเอ็มเอฟก็ตาม
หุ้นแอสทราเซเนก้าในกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลง 1.3% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะอยู่ที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์
หุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยุทธปัจจัยทางทหารรายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 2.9% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการเช่นกัน ส่วนหุ้นบีพี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของอังกฤษ ปรับตัวลง 0.7%
หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 1.6% หลังจากมีรายงานว่า ธนาคารอาจจะปรับลดพนักงานหลายพันคน ส่วนหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ บริษัทพลังงานรายใหญ่ของยุโรป ดิ่งลง 1.5% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ของบริษัทจะอยู่ที่ 6.8 พันล้านดอลลาร์