นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า กำไรของบริษัทในปี 54 คงจะออกมาต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบปัญหาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐ รวมถึงภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 3/54 บริษัทเชื่อว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรได้ หลังจากไตรมาส 2/54 ผลประกอบการมีแนวโน้มขาดทุน ซึ่งเป็นผลมาจากช่วง Low season และราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น โดยคาดว่าไตรมาส 3/54 จำนวนผู้โดยสารจะกลับมาเพิ่มขึ้นทั้งยุโรป ญี่ปุ่น อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา รวมถึงออสเตรเลีย
ทั้งนี้ เดือน ก.ค.54 คาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor)น่าจะอยู่ที่ 76-77% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มการจองตั๋วยังดีต่อเนื่อง
"ครึ่งปีหลังเราหวังว่าธุรกิจจะดีขึ้น ค่าธรรมเนียมน้ำมันก็ได้ปรับขึ้นมาแล้วคาดว่าไตรมาส 3/54 ค่าตั๋วจะทยอยปรับขึ้น...ไตรมาส 3 อย่างไร cabin factor ก็ไม่ถึง 80% ถ้าจะให้ดีต้องไตรมาส 4 แต่แค่เริ่มต้น ก.ค.ได้ cabin factor ขนาดนี้ก็พอใจแล้ว"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
ส่วนราคาน้ำมันอากาศยานในไตรมาส 3/54 คาดว่ายังอยู่ในระดับสูง แต่น่าจะต่ำกว่าไตรมาส 2/54 ซึ่งขึ้นไปสูงสุดถึง 140 ดอลลาร์ โดยขณะนี้ลงมาอยู่ที่ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันไว้ที่ 80% จากไตรมาส 2/54 ที่มีการทำประกันความเสี่ยงน้ำมันต่ำกว่านี้ และคาดว่าต้นทุนน้ำมันไตรมาส 4/54 จะต่ำลง เนื่องจากทำประกันความเสี่ยงในระดับที่ดี
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวยอมรับว่า ปีนี้จำนวนผู้โดยสารจากยุโรปคงจะลดลง ซึ่งเป็นผลจากปัญหาเศรษฐกิจของยุโรป แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะมีเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น แต่บริษัทมีลูกค้าจากยุโรปและออสเตรเลีย เป็นสัดส่วนถึง 50% จึงได้รับผลกระทบดังกล่าว นอกจากนี้อัตราผู้โดยสารต่อกิโลเมตรลดลง สะท้อนว่าผู้โดยสารมีการเดินทางใกล้ขึ้น ทำให้รายได้จากการขายตั๋วโดยสารลดลงด้วย
ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทได้เพิ่มปริมาณที่นั่งจากการที่มีเครื่องบินใหม่ 9 ลำ เป็นแอร์บัส A230-300 จำนวน 7 ลำ และโบอิ้ง 777-300ER จำนวน 2 ลำ ซึ่งเครื่องโบอิ้งเป็นการเช่าจากสายการบิน Jet airway