SAT เตรียมรับงานบริหารรง.ผลิตชิ้นส่วนฯในมาเลย์,รอ 1-2เดือนก่อนปรับเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 1, 2011 14:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระยุทธ กิตะพาณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างร่างสัญญาเข้าบริหารงานให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศมาเลเซีย 1 ราย เป็นชิ้นส่วนประเภทสปริง คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาใน 2-3 เดือนนี้

การบริหารงานดังกล่าวจะเป็นลักษณะการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทจะได้เงินค่าจ้างจากงานดังกล่าว โดยมูลค่างานยังอยู่ระหว่างเจรจา แม้ว่าอาจจะไม่มากนัก แต่ก็เป็นการแสดงถึงศักยภาพและความสามารถทางด้านวิศวกรรม และมีโอกาสจะให้ความช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป

ขณะที่กิจการหลักของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในไตรมาส 3/54 หลังจากคาดว่าไตรมาส 2/54 กำไรจะลดลงจากไตรมาส 1/54 ตามการผลิตลดลงจากผลกระทบภัยพิบัติญี่ปุ่นที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ แต่คำสั่งซื้อกลับสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปัจจุบันบริษัทกลับมาใช้กำลังการผลิต(Utilization)90-95% จากไตรมาส 2/54 ที่ลดการใช้กำลังการผลิตเหลือ 60%

ทั้งนี้ SAT ไตรมาส 1/54 มีรายได้ 1.78 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท

นอกจากนั้น จากต้นทุนวัตถุดิบบางตัวปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น ราคาเหล็กในประเทศ คาดว่าช่วงไตรมาส 3-4/54 บริษัทจะสามารถปรับราคาสินค้าขึ้นได้หลังจากเจรจากับลูกค้าไปบ้างแล้ว โดยบริษัทจะพยายามทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ระดับ 20-21% สูงกว่าปีก่อนที่ 19-20% เนื่องจากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นน่าจะช่วยประคองอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นด้วย

ขณะที่นโยบายรัฐบาลใหม่ที่สนับสนุนธุรกิจในแง่บวกในช่วงครึ่งปีหลัง คือ การลดภาษีรถยนต์คันแรก ซึ่งทำให้ธุรกิจยานยนต์ได้รับประโยชน์ แต่การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันถือว่าเป็นปัจจัยลบ เพราะปัจจุบันค่าแรงงานคิดเป็น 10% ของต้นทุนทั้งหมดของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์

นายวีระยุทธ กล่าวว่า ดังนั้น บริษัทจะรอดูสถานการณ์อีก 1-2 เดือนก่อนพิจารณาว่าจะมีการปรับเป้าคาดการณ์รายได้ในปีนี้จากเดิมที่ตั้งไว้เติบโต 10% จากปีก่อนหรือไม่

"จะปรับกี่เปอร์เซนต์นั้นต้องพิจารณาจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้น โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาดีขึ้นหลังขอปรับราคาขายสินค้าจากลูกค้า ซึ่งเพียงพอชดเชยกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น โดยช่วงที่ยังปรับราคาไม่ได้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ประมาณ 19% แต่เชื่อว่าทั้งปีน่าจะดึงกลับมาที่ 20-21% ได้หลังปรับราคาสินค้า ส่วนอัตรากำไรสุทธิปีนี้ยังตอบไม่ได้ แต่ประเด็นอยู่ที่ทำอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า"นายวีระยุทธ กล่าว

ส่วนการเจรจาลงทุนในประเทศอินเดีย ยังอยู่ระหว่างการเจรจากัน ซึ่งล่าช้าออกไปจากเดิมคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน พ.ค. 54 เนื่องจากทางพันธมิตรอินเดียยังขอปรับเงื่อนไขเกี่ยวกับปริมาณการผลิต และทางอินเดียมีผู้เสนอตัวเข้ามาร่วมทุนหลายราย แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้น่าจะได้ข้อสรุป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ