นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทรับบริหารกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (WHAPF) มูลค่า 1,283 ล้านบาท แทน บลจ. เอ็มเอฟซี โดยกองทุนดังกล่าวลงทุนในอาคารคลังสินค้าและอาคารโรงงาน รวม 2 โครงการ ขนาดรวม 39,809 ตารางเมตร
บลจ. กสิกรไทย พร้อมที่จะเพิ่มทุนให้กองทุนดังกล่าวอีกประมาณ 1,850 ล้านบาท ตามที่ได้รับมติเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุน เพื่อลงทุนเพิ่มเติมในอาคารคลังสินค้าอีก 3 โครงการ และอาคารโรงงาน 1 โครงการ ซึ่งเป็นสิทธิการเช่าและกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์จากบริษัทดับบลิวเอชเอ อะไลแอนซ์ จำกัด และบริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด รวมพื้นที่ให้เช่าที่จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ 107,277 ตารางเมตร บนที่ดินรวม 123 ไร่ 3 งาน 86.7 ตารางวา
ทั้ง 4 โครงการที่จะลงทุนเพิ่มเติม เป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้จากค่าเช่า เนื่องจากมีจุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ของการขนส่งสินค้า ซึ่งได้แก่ บริเวณถนนบางนา-ตราด กม. 20 นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเขตปลอดอากร หรือ Free Zone ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดระยอง
นอกจากนี้ยังมีการก่อสร้างอาคารคลังสินค้าและโรงงานที่ได้มาตรฐานสากล ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทต่างชาติที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งได้แก่ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เดิม ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการการกระจายสินค้าครบวงจร และบริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เข้าทำสัญญาเช่าระยะยาวเต็มพื้นที่ทุกโครงการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกองทุน WHAPF และสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจให้ผู้ถือหน่วยลงทุนต่อไป
นายพัชร กล่าวว่า การเพิ่มทุนกองทุน WHAPF นี้ อยู่ระหว่างการเสนอแก้ไขโครงการกับสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอขายได้ภายในไตรมาส 4/54
สำหรับกองทุน WHAPF เดิมบริหารจัดการโดย บลจ. เอ็มเอฟซี ภายใต้ชื่อ เอ็มเอฟซี-ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม แฟคทอรี่แอนด์แวร์เฮ้าส์ ฟันด์ (M-WHA) ภายหลังได้โอนมาอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ. กสิกรไทย มีมูลค่าโครงการ1,283 ล้านบาท ปัจจุบันจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้ชื่อ WHAPF โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ ธ.ค.53 มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 1 ครั้ง สำหรับผลดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.53 ถึงวันที่ 30 เม.ย.54 ที่อัตรา 0.2666 บาท/หน่วย