ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 2 วันทำการ หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนก.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของธนาคารเอชเอสบีซี
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวลง 40.76 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ 5,774.43 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา หลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ค.ของสหรัฐขยายตัวที่ระดับ 50.9 จุด ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ขยายตัว 55.3 จุด และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 54.9 จุด
ดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนก.ค.ได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ธนาคารเอชเอสบีซีมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปีนี้พุ่งขึ้น 35% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เอชเอสบีซี ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนสูงในตลาดหุ้นฮ่องกงระบุในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่า ธนาคารมีกำไรก่อนหักภาษีได้ 11,474 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2553
หุ้นเอชเอสบีซีทะยานขึ้น 2.2% แต่หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ร่วงลง 5%
หุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายยุทธปัจจัยทางทหารรายใหญ่ของยุโรป ดิ่งลง 3% หลังจากรายได้ในสหรัฐร่วงลงกว่า 48%
หุ้นแฮมเมอร์สัน ซึ่งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 3 ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรอบครึ่งปีเพิ่มขึ้น
ส่วนหุ้นแอฟริกัน มิเนอรัลส์ ทะยานขึ้น 4.4% หลังจากบริษัทบรรลุข้อตกลงการร่วมลงทุนกับบริษัท ชานตง ไอออน แอนด์ สตีล กรุ๊ป