ทริสฯให้เครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่-คงเครดิตองค์กร GLOW ที่"A"แนวโน้ม"Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 2, 2011 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บมจ.โกลว์ พลังงาน (GLOW) ที่ระดับ “A" และยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A" ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ใหม่ไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ของ บริษัท ไทยเนชั่นแนล เพาเวอร์ จำกัด (TNP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยแห่งใหม่ของบริษัท

อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลงานของบริษัทในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศที่ได้รับการยอมรับ ตลอดจนการมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement -- PPA) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ในบริเวณมาบตาพุด

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม การเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจะค่อย ๆ เพิ่มกระแสเงินสดที่แน่นอนให้แก่บริษัทในปี 2554 และปี 2555 ตามลำดับ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโกลว์ พลังงาน ก่อตั้งในปี 2536 เพื่อประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าในโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด บริษัทได้ขยายสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Cogen) และธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ปัจจุบันกลุ่ม GDF SUEZ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท

ทั้งนี้ GDF SUEZ เป็นกลุ่มพลังงานชั้นนำของโลกซึ่งดำเนินธุรกิจตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า ค้าก๊าซ และให้บริการด้านพลังงานอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป บริษัทโกลว์ พลังงานเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยบริษัทมีรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากธุรกิจ Cogen ประมาณ 70% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2553

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,945 เมกะวัตต์ โดยมาจากโครงการ IPP 865 เมกะวัตต์ และ Cogen 1,080 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้า IPP พลังงานก๊าซของบริษัทตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี และโรงไฟฟ้า IPP พลังงานน้ำตั้งอยู่ในประเทศลาว ธุรกิจโรงไฟฟ้า Cogen ของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและอีสเทิร์นซีบอร์ดในจังหวัดระยองส่วนใหญ่ให้บริการแก่ลูกค้าในธุรกิจปิโตรเคมีซึ่งต้องการกระแสไฟฟ้าที่มีความแน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความเสี่ยงจากการมีลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีซึ่งกระจุกตัวอยู่ในเขตพื้นที่มาบตาพุดซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งด้านสิ่งแวดล้อม

จากกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของกลุ่มโกลว์จำนวน 1,945 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำจำนวน 1,046 ตันต่อชั่วโมง บริษัททำสัญญา PPA อายุระหว่าง 21-25 ปีเพื่อขายไฟฟ้าจำนวน 1,429 เมกะวัตต์ให้แก่ กฟผ. ส่วนปริมาณไฟฟ้าและไอน้ำที่เหลือรวมถึงน้ำปราศจากแร่ธาตุนั้นบริษัททำสัญญาขายระยะยาวให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม โดยสัญญาดังกล่าวมีระยะเวลาคงเหลือมากที่สุด 20 ปี ทั้งนี้ การขายไฟฟ้าและไอน้ำตามสัญญาดังกล่าวถือเป็นแหล่งรายได้ที่แน่นอนสำหรับบริษัท ในปี 2553 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ในสัดส่วน 57% และส่วนที่เหลือขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2554 ผู้ถือหุ้นของบริษัทโกลว์ พลังงาน มีมติอนุมัติการซื้อหุ้น TNP 100% จาก International Power PLC (IPR) ในราคา 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การซื้อกิจการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่คือ GDF SUEZ และ IPR ที่มีแผนรวมกิจการธุรกิจไฟฟ้าในประเทศไทยเข้าด้วยกันหลังจาก IPR ได้ควบรวมกิจการกับกลุ่ม GDF SUEZ เมื่อต้นปี 2554 TNP เป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซขนาด 141 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการ SPP ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโรงไฟฟ้า Cogen ขนาด 110 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการ SPP มูลค่า 4,500 ล้านบาทด้วย

ปัจจุบัน TNP มีรายได้ปีละ 2,400-2,600 ล้านบาท และมี EBITDA ปีละ 460-540 ล้านบาทในระหว่างปี 2551-2553 ณ เดือนมิถุนายน 2554 TNP และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้ที่มีดอกเบี้ยรวม 2,902 ล้านบาท ทั้งนี้ TNP จะต้องกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าโรงที่ 2 ภายใต้โครงการ SPP ดังนั้นการลงทุนใน TNP ของบริษัทโกลว์ พลังงานจึงคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,570 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับ 30.2 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ หลังการซื้อหุ้น TNP กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอีก 251 เมกะวัตต์ในปี 2555 หรือคิดเป็น 8% จากระดับกำลังการผลิตไฟฟ้าก่อนการลงทุน การลงทุนใน TNP จะทำให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้นเนื่องจากโรงไฟฟ้าของ TNP ตั้งอยู่นอกพื้นที่มาบตาพุดและให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ฐานะการเงินของบริษัทจะอ่อนแอลงในระยะกลางหลังจากการรวมกิจการของ TNP แต่ภาระหนี้เงินกู้ยังถือว่าอยู่ในระดับที่จัดการได้เนื่องจากจะมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจาก TNP และกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ของบริษัทที่กำลังทยอยเปิดดำเนินการ

ผลการดำเนินงานของบริษัทโกลว์ พลังงานในปี 2553 นับว่าน่าพอใจแม้ว่าจะประสบความล่าช้าในการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม CFB#3 ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น 4.1% ในปี 2553 เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่รายได้รวมเติบโต 3.3% เป็น 35,657 ล้านบาทในปี 2553 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 25.0% ในปี 2553 จาก 22.1% ในปี 2552 เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง

บริษัทมี EBITDA เท่ากับ 9,084 ล้านบาทในปี 2553 เพิ่มขึ้น 16% จาก 7,830 ล้านบาทในปี 2552 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2554 EBITDA ของบริษัทเท่ากับ 2,279 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากรายได้จากธุรกิจ IPP ลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากผลกระทบของการแข็งค่าของเงินบาท ตลอดจนปัญหาปริมาณน้ำฝนที่ลดลงซึ่งกระทบต่อรายได้จากโรงไฟฟ้าห้วยเหาะ การลดลงของค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ EBITDA ของบริษัทลดลง อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 62.1% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2554 เทียบกับ 59.8% ในปี 2552 เนื่องจากบริษัทมีการกู้ยืมเพิ่มเพื่อลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า อย่างไรก็ดี คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในปี 2554 จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ราคาขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 0.0893 บาทต่อหน่วยจากการเพิ่มขึ้นของค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ระหว่างเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน 2554 และค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 0.0293 ในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม 2554 จะช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นได้บางส่วน

โครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า 2 โครงการคือ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ระยะที่ 5 (ขนาด 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า) และโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้ชื่อ GHECO-One (ขนาด 660 เมกะวัตต์) นั้นยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการทั้ง 2 แห่งจะต้องใช้เงินทุนเพื่อการพัฒนาตามแผนอีกประมาณ 9,800 ล้านบาทในปี 2554 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมระยะที่ 5 จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนกันยายน 2554 ในขณะที่การพัฒนาโรงไฟฟ้า IPP ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขออนุมัติรายงานการศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนมกราคม 2555 โครงการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวรวมถึงการซื้อหุ้นใน TNP จะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 1,293 เมกะวัตต์เทียบเท่า และกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมของกลุ่มโกลว์จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 58% เป็น 3,526 เมกะวัตต์เทียบเท่าภายในปี 2555


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ