นายโสฬส ตั้งในธรรม กรรมการและผู้อำนายการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.ทาพาโก้ (TAPAC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3/54 (พ.ค.-ก.ค.54) จะมียอดขายเติบโต 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากงวดไตรมาส 2/54 (เม.ย.-มิ.ย.54) ที่มียอดขาย 125.6 ล้านบาท
เนื่องจากคำสั่งซื้อของลูกค้าเริ่มกลับเข้ามาเพิ่มขึ้น หลังชะลอลงไปในงวดไตรมาส 2/54 จากผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น ยอมรับว่าขณะนี้คำสั่งซื้อยังคงไม่เข้าเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว
"ไตรมาส 3/54 คาดว่าออเดอร์เริ่มกลับเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัญหาในญี่ปุ่นที่เริ่มเบาบางลง ทำให้เริ่มมีออเดอร์กลับเข้ามา แต่คาดว่าไตรมาส 4/54 ออเดอร์จะกลับเข้ามาตามปกติ และน่าจะมีมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของทุกปีที่ลูกค้าจะเร่งผลิตสินค้าเตรียมช่วงปีใหม่...ปีนี้เราได้รับผลกระทบจากลูกค้าที่เปลี่ยนแผนจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และญี่ปุ่น และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากค่าเสื่อม ค่าแรงที่แม้อยู่ในประมาณการแล้วก็ตาม รวมถึงต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น" นายโสฬส กล่าว
นายโสฬส กล่าวว่า ขณะที่ทั้งปี 54 คาดว่ายอดขายจะเติบโตประมาณ 17-18% จากปีก่อนที่มียอดขาย 599 ล้านบาท โดยในงวดไตรมาส 4/54 จะมียอดขายที่เร่งตัวมากขึ้น และเชื่อว่ากำไรปีนี้คงจะใกล้เคียงปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิจะเติบโต 10%
นอกจากนี้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ในงวดไตรมาส 3/54 น่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 26-27% จากไตรมาส 2/54 ที่ลดลงเหลือ 25.52% จากผลกระทบต้นทุนที่มีการปรับค่าแรง และต้นทุนจาการผลิตสินค้าใหม่ที่เป็นชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และค่าเสื่อมราคา ขณะที่ทั้งปี 54 ตั้งเป้าที่จะรักษาระดับ gross margin ที่ 26.5%
อย่างไรก็ตาม จากต้นุทนการเงินของบริษัทที่เพิ่มขึ้นมาจากการกู้เงินเพื่อใช้ในการลงทุนในปีที่ผ่านมา คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เมื่อดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นทำให้ภาระเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.5-5.75% ดังนั้น บริษัทจึงเจรจากับธนาคารเจ้าหนี้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นเงินกู้ระยะกลางและดอกเบี้ยแบบคงที่ ซึ่งแม้จะไม่ได้ช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยมากนัก แต่ก็ให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น แต่บริษัทไม่มีแผนออกหุ้นกู้เพื่อทดแทนหนี้เงินกู้ดังกล่าวแต่อย่างใด