นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ลลิต พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) คาดว่าในปี 54 บริษัทจะมียอดขายเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรก บริษัททำได้ 60% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว ขณะที่ยอดขายในไตรมาส 2/54 เติบโต 50% จากไตรมาส 1/54 ส่วนยอดรับรู้รายได้ปีนี้คงทำได้ตามเป้าที่ 2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะปรับราคาขายบ้านในช่วงจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้อีก 5-7% โดยช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.ปรับขึ้นราว 3-5% ในบางโครงการ เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาเหล็กสูงขึ้น 10% ผนวกกับแนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันก็จะเป็นปัจจ้ยผลักดันให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น จึงอยากให้ภาครัฐทยอยปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
"ที่ผ่านมาเราได้มีการทยอยปรับเพิ่มราคาขายบ้านไปบ้างแล้ว ต้นทุนวัสดุก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเราเจอค่าแรงขั้นต่ำอีก ก็เป็นไปได้สูงที่เราจะขึ้นราคาบ้านอีกครั้ง แต่โชคดีที่เราได้ล็อคต้นทุนบางประเภทไว้บ้าง เช่นเหล็ก จึงทำให้เรากระทบไม่มาก แต่ปีหน้าจะน่ากลัว" นายไชยยันต์กล่าว
ในปี 54 บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 7 แห่ง มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท โดยเปิดไปแล้ว 2 โครงการ และช่วงครึ่งหลังของปีจะเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง จำนวน 5 โครงการ โดยบริษัทปรับกลยุทธ์นำแบรนด์ "แลนซีโอ" ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของบริษัทในการสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ และการเพิ่มรายได้ในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดตัวโครงการในแบรนด์ แลนซีโอ 3 โครงการใน 3 ทำเล รวมมูลค่า 2.1 พันล้านบาท ได้แก่ย่านรามคำแหง-วงแหวน(ซอยมิสทีน) , วงแหวน-พระราม 5 (ศรีประวัติ) และ วัชรพล-ทางด่วน (ทางลงสุขาภิบาล5) ในวันที่ 6-7 ส.ค.นี้ คาดว่าจะสร้างยอดขายได้ 150 ล้านบาท
บริษัทยังได้วางแผนต่อเนื่องในการขยายธุรกิจ ทั้งขยายแบรนด์ แลนซีโอ และการสร้างแบรนด์ใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงการขยายโครงการคอนโดมิเนียมด้วย ทั้งนี้ ในปี 55 บริษัทวางงบลงทุนในการซื้อที่ดิน 800 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายโครงการใหม่ จากปีนี้ที่ใช้งบซื้อที่ดิน 700 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าการเติบโตยอดขายเติบโตอย่งน้อยปีละ 15% ในช่วง 3 ปีนี้
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง นายไชยยันต์ มองว่า การแข่งขันยังรุนแรง สิ่งที่กดดันคือต้นทุนและอัตราดอกเบี้ยที่มองว่ามีโอกาสปรับขึ้นอีก 2 ครั้งจากนี้ถึงสิ้นปีนี้ ผู้ประกอบการที่จะอยู่ได้จะต้องมีแนวคิดที่ออกสินค้าให้ตรงใจผุ้บริโภคและควบคุมต้นทุน ขณะที่โครงการแนวราบจะเป็นบวกมากกว่าโครงการคอนโดมิเนียม เพราะว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมบูมมาก โดยบริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียม ย่านพหลโยธิน-ลาดพร้าว ในไตรมาส 4/54 มูลค่า 500-600 ล้านบาท