นายสุพจน์ สุนทรินคะ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม(SALEE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มรายได้ในไตรมาส 2/54 คาดว่าจะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังปีน่าจะออกมาดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล โดยปกติสินค้าของบริษัททั้งผลิตภัณฑ์พลาสติกและสลากจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นช่วงสิ้นปีไปจนถึงปีใหม่
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังคิดเป็น 55-60% ของรายได้รวม ขณะที่รายได้ครึ่งปีแรก 40-45%
สำหรับแผนการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอประเมินไปตามสถานการณ์อีกที ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้มีการซื้อเครื่องจักรใหม่ไปแล้ว 8 เครื่อง สำหรับธุรกิจฉีดพลาสติก ขณะที่ธุรกิจพริ้นท์ติ้ง(ผลิตฉลากสินค้า)ได้มีการซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่เข้ามา 3 เครื่อง รวมเป็นเงินลงทุนประมาณ 100-150 ล้านบาท ตามที่วางไว้ ซึ่งทำให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 30% จากปีก่อน
"การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ก็คงต้องรอประเมินอีกที แต่ช่วงครึ่งปีแรกเราก็ลงทุนไปเยอะพอสมควร อย่างตัวฉีดพลาสติกก็ซื้อเข้ามาอีก 8 เครื่อง ส่วนสติ๊กเกอร์เราก็ซื้อเครื่องพิมพ์เข้ามา 3 เครื่อง เพิ่งเข้ามาหมดเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เราก็คงจะพยายามใช้กำลังการผลิตใหม่ที่เอาเข้ามาก่อน"นายสุพจน์ กล่าว
ขณะที่รายได้รวมทั้งปี 54 ยังคงมั่นใจว่าจะเติบโตตามเป้าที่ 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 775 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นธุรกิจพริ้นท์ติ้ง(ผลิตฉลากสินค้า) 55% และผลิตชิ้นส่วนพลาสติก 45% ซึ่งบริษัทก็จะพยายามรักษาสัดส่วนรายได้ของทั้ง 2 ธุรกิจให้ใกล้เคียงกัน
"ตัวมาร์จิ้นพริ้นท์ติ้งกับพลาสติกที่จริงแล้วใกล้เคียงกัน ตัวไหนจะมากจะน้อยก็คงขึ้นอยู่กับจังหวะธุรกิจ แต่เราก็พยายามให้มันใกล้เคียงกัน ประมาณอย่างละครึ่ง แต่ตัวพริ้นท์ติ้งก็ถือว่าโตดีตามเศรษฐกิจโลก พอดีเศรษฐกิจมันโตเยอะก็เลยเป็นโอกาสของเรา เพราะว่าฐานการผลิตสินค้าพวกนี้ก็ย้ายฐานการผลิตมาอยู่ในแถบเอเชียมากขึ้น"นายสุพจน์ กล่าว
ในส่วนของราคาวัตถุดิบในการผลิตสินค้าในปัจจุบันถือว่าทรงตัว ทำให้บริษัทไม่ต้องมีการปรับเพิ่มราคาสินค้า โดยตลาดหลักยังเป็นการขายให้กับผู้ผลิตสินค้าในประเทศ ส่วนการส่งออกมีสัดส่วนไม่ถึง 5%