นายกิตติมา สุทัศน์ ณ อยุธยา กรรมการ บมจ. เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้มีนักลงทุนจากญี่ปุ่น ซึ่งทำธุรกิจส่งออก-จำหน่ายรถยนต์ให้ความสนใจเข้าร่วมทุนกับบริษัท และยังมีนักลงทุนในประเทศ 3-4 ราย สนใจเข้าร่วมทุนกับบริษัทเช่นกัน เพื่อฟื้นกิจการนำเข้ารถยนต์มาจำหน่าย หลังจากประสบปัญหาทางธุรกิจมานาน
"ตอนนี้มีกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสนใจเข้าร่วมทุนกับบริษัท ซึ่งนักลงทุนจากญี่ปุ่นได้ทำหนังสือถึงศาลล้มละลายที่จะขอร่วมทุนกับบริษัท ขณะที่นักลงทุนไทยมีทั้งบุคคลและนิติบุคคลแสดงความสนใจผ่านที่ปรึกษาทางการเงินเช่นกัน แต่ผมยังไม่รู้ว่ารายละเอียด ซึ่งคงต้องรอให้มีการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทก่อน"นายกิตติมา กล่าว
ทั้งนี้ หลังจาก 21 มิ.ย.54 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการ โดยมีเงื่อนไขให้เรียกประชุมเจ้าหนี้ภายใน 45 วันเพื่อจัดตั้งบริษัทผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อวันที่ 1 ส.ค.54 ได้มีการจัดประชุมเจ้าหนี้ที่สำนักงานกรมบังคับคดี โดยมีเจ้าหนี้แสดงความจำนงร่วมโหวตจำนวน 40 ราย ส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงิน โดยมีธนาคารทหารไทย(TMB)เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ซึ่งที่ประชุมเจ้าหนี้ไม่ได้เสนอบริษัทจัดทำแผนแข่งกับ SECC
ดังนั้น SECC จึงได้นำผลโหวตของเจ้าหนี้เสนอต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ศาลฯ น่าจะมีคำสั่งออกมาเพื่อแต่งตั้งให้บริษัทเป็นผู้จัดทำแผนการฟื้นฟูกิจการได้ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัท โดยมีตนเองและนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.ไดโดมอน กรุ๊ป(DAIDO) เข้ามาเป็นกรรมการบริษัท เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของผู้จัดทำแผนที่ต้องมีผู้มีประสบการณ์ในการฟื้นฟูกิจการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจรถยนต์และการนำเข้ารถยนต์
นายกิตติมา กล่าวว่า หากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทเป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ก็จะแต่งตั้ง บล.ซิกโก้(SSEC) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อพิจารณาการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งมีหลายแนวทาง โดยภายใน 3 เดือน จะมีการเดินสายหารือกับเจ้าหนี้ทั้งหมด 600 ราย แต่หากศาลฯ มีคำสั่งอื่นๆ บริษัทคงต้องหาแนวทางอื่นต่อไป