นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 10,190 ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ มูลค่า 7,620 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 4 โครงการ มูลค่า 2,570 ล้านบาท
ช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีสินค้ารอรับรู้รายได้(Backlog)มากถึง 29,679 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบมูลค่า 5,229 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมจำนวน 24,468 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 7,500 ล้านบาท เนื่องจากปีนี้บริษัทมีคอนโดมิเนียมก่อสร้างเสร็จใหม่ที่พร้อมส่งมอบมากถึง 4 โครงการ คือ The Address พญาไท มูลค่าโครงการ 1,070 ล้านบาท RHYTHM รัชดา-ห้วยขวาง มูลค่า 2,300 ล้านบาท Life @ ลาดพร้าว 18 มูลค่า 1,600 ล้านบาท และ The Address สุขุมวิท 28 มูลค่า 2,250 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส 2/54 เติบโตขึ้นอย่างมาก
สำหรับภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังคงเติบโตไปได้ ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่บริษัทมีพัฒนาสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม และยังมุ่งขยายประเภทของสินค้าให้คลอบคลุมความต้องการของตลาดในแต่ละเซ็กเม้นท์มากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการกระแสเงินสด
และล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือขององค์กรจากทริสเรทติ้งเป็นระดับ A- จากเดิมที่ระดับ BBB+ ซึ่งสะท้อนได้ถึงผลงานของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับในธุรกิจฯ ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงในธุรกิจ
นอกจากนี้ การจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดล่าสุด รุ่น AP 151A อายุ 3 ปี 6 เดือน จำนวน 1.5 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท ที่ระดับ “A-“ ผลตอบแทน 3 ปีแรก ร้อยละ 4.50 ต่อปี และ 6 เดือนสุดท้าย ร้อยละ 5.80 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน จัดจำหน่ายโดยธนาคารกรุงเทพ(BBL)ได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งยังมีผู้แสดงความสนใจเกินกว่ายอดที่เสนอขาย ชี้ภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของบริษัทในสายตานักลงทุน ท่ามกลางสภาวะความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ตลอดจนความคุ้มค่าในการลงทุนระยะยาว โดยการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เพื่อใช้ในการชำระคืน หุ้นกู้/เงินกู้ ซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนา และเพื่อใช้ในการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวอีกด้วย