นายวีรศักดิ์ โฆษิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)คาดว่า กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3/54 ต่ำกว่าไตรมาส 2/54 เนื่องจากปริมาณการผลิตลดลงจากที่โรงงานแครกเกอร์ 1 ล้านตัน/ปีจะปิดซ่อมบำรุง 40 วัน ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.รวมทั้งโรงงานผลิต LDPE, HDPE ด้วย ประกอบกับสเปรดในไตรมาส 3/54 อ่อนตัวลงมาตามฤดูกาล โดยอยู่ที่ประมาณ 500 เหรียญ/ตัน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/53 ผลกำไรจากการดำเนินงานไตรมาส 3/54 จะดีกว่า เนื่องจากในปีนี้มีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน
ทั้งนี้ จึงคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะต่ำกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เพราะปริมาณการผลิตที่ลดลง จากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานดังกล่าว
"ไตรมาส 3/54 สเปรดอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/54 แต่ก็ไม่ได้แย่มาก และวอลุ่มหายไปจากที่ต้อง shut down 40 วัน ตามแผน...คิดว่าหลัง ส.ค.ไป ดีมานด์จะกลับมาจะเริ่มมีการผลิตเตรียมสต็อกไว้ในช่วงคริสต์มาส แต่ครึ่งปีหลังสู้ครึ่งปีแรกไม่ได้" นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ราคาเม็ดพลาสติก MEG ในช่วงครึ่งปีแรกมีราคาดีกว่าคาด ซึ่งอยู่ระดับ 1,100-1,200 เหรียญ/ตัน จากที่คาดไว้ที่ระดับ 900- ,1,000 เหรียญ/ตัน ใกล้เคียงปีก่อน แต่บริษัทก็ยังไม่วางใจเพราะราคา MEG หวือหวา ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ MEG อยู่ 15-20% ของรายได้รวม
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจโอเลฟินส์ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมีซัพพลายใหม่เข้าตลาดประมาณ 3 ล้านตัน ถือว่าน้อยจากก่อนหน้านี้ที่เคยมีซัพพลายใหม่ถึง 12 ล้านตัน ขณะที่ปริมาณการใช้ 150 ล้านตันในปัจจุบัน และความต้องการใช้เพิ่มขึ้นปีละ 3% และคาดว่าในปี 57 ธุรกิจโอเลฟินส์จะถึงจุดสูงสุด
ส่วนกรณีที่เกิดเพลิงไหม้โรงกลั่นของ Formosa Petrochemical Corp ในไต้หวัน นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ทำให้ราคาดีขึ้นมาจากกำลังการผลิตหายไป แต่เป็นเพียงระยะสั้น
ทั้งนี้ จากนี้ไปกระบวนการควบรวมกิจการระหว่าง PTTCH และ บมจ.ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) และจะรวมเป็นบมจ. ปตท โกลบอลเคมิคอล จะช่วยทำให้บริษัทใหม่สามารถแข่งข้นกับบริษัทอื่นในระดับโลก และในเอเชีย โดยเฉพาะเมื่อมีการรวมตัวในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะทำให้การเคลื่อนย้ายเงินทุน บุคคลากรทำได้ง่ายขึ้น แต่บริษัทก็ต้องเตรียมความพร้อม
นายวีรศักดิ์ มองว่า ตลาดอินโดนีเซียน่าลงทุน เพราะมีประชากรกว่า 200 ล้านคน และอินโดนีเซียนำเข้าเม็ดพลาสติกทุกชนิด จึงเห็นโอกาสเติบโตอีกมาก โดยปัจจุบัน PTTCH ได้ส่งออกเม็ดพลาสติกไปยังอินโดนีเซียด้วย
ส่วนโครงการผลิตเอทิลีนออกไซด์และเอทิลีนไกลคอล(ส่วนต่อขยาย)ของบริษัทที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเครื่องนั้น นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และองค์กรอิสระก็ให้ความเห็นแล้ว ขณะนี้รอเพียงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)อนุญาตเท่านั้น