บลจ.เกียรตินาคินตั้งเป้า 3 ปี AUM สูงกว่า 7 หมื่นลบ.,5 ปีทะลุ 1 แสนลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 4, 2011 14:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการ บลจ.เกียรตินาคิน(KKFund)ตั้งเป้าภายใน 3 ปีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(AUM)ของบริษัทจะสูงกว่า 7 หมื่นล้านบาท และภายใน 5 ปีจะทะลุ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน AUM อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยสิ้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.5 หมื่นล้านบาท

นายศุภกร สุนทรกิจ กรรมการผู้จัดการ KKFund กล่าวว่า ช่วงสั้นบริษัทมีแผนจะเสนอขายกองทุนไม่ต่ำกว่า 14-15 กอง ในจำนวนนั้นเป็นกองทุนที่ตั้งเป้าผลตอบแทน(ทาร์เก็ตฟันด์) 3 กอง แบ่งเป็นลงทุนในหุ้นไทย คาดผลตอบแทน 7%, ETF ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นจีน คาดผลตอบแทน 10% และ ETF ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ คาดผลตอบแทนกว่า 9% ขนาดกองละ 300-400 ล้านบาท โดยสาเหตุที่เลือกจีนและสหรัฐเนื่องจากราคาหุ้นปรับลงมากเป็นจังหวะดี และเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศยังมีโอกาสเติบโต

นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจการจัดตั้งกองทุนน้ำมัน เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันลงมา 90 เหรียญสหรัฐ ถ้าดีดตัวกลับไป 99 เหรียญสหรัฐได้ก็จะส่งผลดี กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนสาธารณูปโภค โดยสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ที่น่าลงทุนในขณะนี้ ได้แก่ อาคารสหนักงาน เซอร์วิสอพาร์ทเม้น โกดังสินค้า

พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นสำนักงานก.ล.ต.ขอใบอนุญาตทำธุรกิจตราสารอนุพันธ์คาดได้ปลายก.ย.นี้

ปัจจุบัน KKFund ยังเป็น บลจ.ขนาดเล็กอยู่อันดับ 15 เป้าคือเป็น บลจ.ขนาดกลางที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและขึ้นเป็น Top 10 ในอุตสาหกรรม โดยอาศัยศักยภาพของธนาคารเกียรตินาคิน(KK)ที่มี 20 สาขาใน กทม.และฐานจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) และเป้าหมายในที่สุดจะขึ้นระดับ Top 5 ให้ได้

บริษัทจะเพิ่มทีมผู้จัดการกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนต่างประเทศ ทีมเจ้าหน้าที่ด้านการตลาด(มาร์เก็ตติ้ง) และทีมบริหารความเสี่ยง คาดว่าจะได้ปลายเดือน ส.ค.นี้ จะมีบุคลากรเข้ามาร่วมงานเพิ่มขึ้น จากขณะนี้ผู้จัดการกองทุน 4 คน

นายศุภกร กล่าวว่า มองเป้าดัชนี SET ปีนี้ 1,250 จุด ปัจจัยหนุนมาจากคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในปีนี้จะเติบโต 30% จากปลายปีก่อนที่คาดจะโต 18% เพราะช่วง เม.ย.-พ.ค.มีการปรับเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)สูงขึ้น และ earning growth ของ บจ.ที่โตกว่านักวิเคราะห์คาด หลักๆมาจากกลุ่มแบงก์ที่กำไรโตกว่าคาดเพราะ 6 เดือนสินเชื่อเข้าเป้าแล้ว

ประกอบกับ นโยบายบาทแข็งของภาครัฐบวกกับเศรษฐกิจตะวันตกอ่อนแอ คาดว่าเม็ดเงินจากกองทุนต่างชาติจะไหลเข้าประเทศที่มี GDP โตเกิน 4% และเงินเฟ้อไม่สูงนัก ซึ่งไทยถือว่าเงินเฟ้อยังไม่รุนแรง และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดูแลเงินเฟ้อ ก็เชื่อว่าเม็ดเงิน fund flow จะยังไหลเข้าไทยมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ