นายพิสิฐ โอมพรนุวัฒน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจการค้าต่างประเทศ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) คาดว่าในปี 54 บริษัทจะสามารถส่งออกกุ้งได้เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 20% จากปีก่อนที่สัดส่วนส่งออกกุ้งอยู่ที่ 50,000 ตัน โดยคาดการณ์ว่าประเทศที่จะมีสัดส่วนส่งออกที่เพิ่มขึ้นโดดเด่นในตลาดหลักคือ สหรัฐฯ ที่ 35% ส่วนยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลียที่ 15-25% หลังได้รับผลดีจากการทบทวนอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping หรือ AD)
อนึ่ง สหรัฐฯ ได้มีการทบทวนอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping หรือ AD) สินค้ากุ้งแช่แข็งประจำปีครั้งที่ 5 (POR 5) โดยมีอัตราภาษีเฉลี่ยอยู่ที่ 0.41 — 0.73% ลดลงจากเดิมที่มีอัตรา 1.11 — 4.39% ว่าจะส่งผลดีโดยรวมต่อประเทศ เนื่องจากเป็นตลาดส่งออกกุ้งอันดับ 1 ของไทย โดยสินค้ากุ้งกว่า 46% ในปี 2553 ที่ไทยผลิตถูกส่งไปขายในตลาดนี้ อัตราภาษีที่ลดลงข้างต้นจึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกุ้งแช่แข็งไทยในตลาดสหรัฐฯ
สำหรับซีพีเอฟ ซึ่งเป็นผู้นำการส่งออกในอุตสาหกรรมกุ้ง ก็จะได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีที่ลดลงนี้ด้วย โดยในภาพรวมการส่งออกกุ้งของปีนี้คาดว่าจะสามารถส่งออกกุ้งไปสหรัฐอเมริกาฯเพิ่มขึ้นประมาณ 35% จากปริมาณการส่งออกในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ที่ผ่านมาตลาดสหรัฐฯยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานการผลิตกุ้งของไทย และจากผลการทบทวนอัตราภาษีเอดีที่ลดลง ก็นับเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสินค้าส่งออกกุ้งไทยไม่ได้มีการทุ่มตลาดในสหรัฐฯแต่อย่างใด โดยในปี 2553 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกกุ้งโดยรวมทั้งอุตสาหกรรมที่ปริมาณ 407,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 100,400 ล้านบาท ในส่วนของซีพีเอฟมีสัดส่วนส่งออกกุ้งในปีดังกล่าวอยู่ที่ 50,000 ตัน
และจากปริมาณการส่งออกของไทยไปยังตลาดสหรัฐฯที่ 45% โดยช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2554) มีการส่งออกที่ 58,970 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น คือจาก 14,224 ล้านบาท เป็น 16,123 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สามารถสร้างมูลค่าราคาที่สูงขึ้นได้ในตลาด ส่งผลให้ยอดส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐฯ สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน ซึ่งบริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยยึดหลักของอาหารปลอดภัย (Food safety) และการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางที่ดำเนินธุรกิจกุ้งครบวงจร จึงนับเป็นผลดีต่อการเติบโตของยอดขายอาหารกุ้ง และการผลิตลูกกุ้งตามไปด้วย
สำหรับ อัตราภาษีเอดีที่ไทยได้รับปัจจุบันเฉลี่ยที่ 0.73% เป็นอัตราที่ต่ำกว่าคู่แข่งสำคัญ อย่างประเทศจีน ที่ถูกเรียกเก็บอัตรา 112.8% อินเดีย ที่อัตรา 1.69% และเวียดนาม ซึ่งถูกเรียกเก็บที่ 1.52%