ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ และวิกฤตหนี้ยุโรปที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วยุโรป
ดัชนี FTSEurofirst 300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปร่วงลง 3.39% ปิดที่ 992.72 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3320.35 จุด ร่วงลง 134.59 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 6414.76 จุด ร่วงลง 225.83 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5393.14 จุด ร่วงลง 191.37 จุด
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรปมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมประกาศโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนอีกครั้ง หลังจากที่ยุติโครงการดังกล่าวไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยอีซีบีมีเป้าหมายที่จะยับยั้งการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป
อย่างไรก็ตาม อีซีบีไม่ได้เปิดเผยแผนการเข้าซื้อพันธบัตรอิตาลีและสเปน แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีและสเปนพุ่งขึ้นจนทำให้นักลงทุนกังวลว่าอิตาลีและสเปนจะไม่สามารถชำระคืนหนี้ได้ก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ดิ่งลง 10% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นธนาคารที่คำนวณในดัชนี FTSE 100 หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 2.3 พันล้านปอนด์ หรือ 3.8 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรก ขณะที่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 6.1% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 7.8%
ส่วนหุ้นเหมืองแร่ดิ่งลง โดยหุ้นริโอทินโต ร่วงลง 5.4% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 5.1% ซึ่งเป็นการปิดลบติดต่อกันยาวนานถึง 9 วัน ส่วนหุ้นเอ็กสตราต้า ร่วงลง 8.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2552
นอกจากนี้ หุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ร่วงลง 9.4% หุ้นยูเรเซียน เนเชอรัล รีซอสเซส คอร์ป ร่วงลง 8% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553