TUF ปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.91 บาท,คาดปี 58 ยอดขายแตะ 4 พันล้านดอลลาร์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 5, 2011 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้จัดสรรกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานงวดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 2554 เป็นเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.91 บาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 ส.ค. 2554

อย่างไรก็ดี นโยบายการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ จะแตกต่างจากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีความจำเป็นต้องปรับในเรื่องของนโยบายการจ่ายเงินปันผลใหม่ โดยกำหนดจ่ายไม่เกิน 1,200 ล้านบาททั้งปี ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากบริษัทต้องการกำหนดแผนการดำเนินงานให้มีความเข้มข้นขึ้น และเมื่อหนี้สินต่อทุนกลับลงมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้ง บริษัทก็จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราเดิมคือ ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ดี เรามั่นใจว่า สิ่งที่บริษัทดำเนินการนั้น ในระยะยาวจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้อย่างแน่นอน หรือทียูเอฟ ผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งและบรรจุกระป๋องรายใหญ่ของไทย

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย ยังมีแนวโน้มการเติบโตในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งมั่นใจว่า จะสามารถไปถึงเป้าหมายใหม่ที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ภายในปี 2558

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/54 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิเท่ากับ 1,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 873 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 1.29 บาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐและในรูปเงินบาทก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถทำยอดขายรูปเงินเหรียญสหรัฐได้เท่ากับ 821 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงถึง 55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อนที่มียอดขายเท่ากับ 529 ล้านเหรียญสหรัฐ และมียอดขายรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น 45% จากยอดขาย 17,092 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีก่อน เป็นยอดขาย 24,860 ล้านบาทในไตรมาสนี้

"ผลงานในไตรมาส 2 กำไรสุทธิมีการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับนโยบายเรื่องต้นทุน จากการที่ราคาวัตถุดิบปลาทูน่าและกุ้งมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราการทำกำไรลดลงในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี บริษัทได้มีการปรับต้นทุนและราคาให้มีความเหมาะสม ขณะเดียวกันก็มีการปรับสัญญาการซื้อขายให้สั้นลง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการควบรวมกิจการของ MW Brands ได้หมดไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ไตรมาสแรก

ทั้งนี้ในส่วน MW Brands ทำผลงานได้ดีตามเป้าที่ตั้งไว้ในทุกไตรมาส และเมื่อพิจารณาตัวเลขยอดขายของ TUF ในไตรมาสนี้ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ามีการเติบโตถึง 100% ปลาซาร์ดีนและแมคเคอเรล เติบโต 40% และกุ้งแช่แข็ง เพิ่มขึ้น 15% จะเห็นว่า ปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาดีขึ้นตามลำดับ ทำให้มาร์จิ้นดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดย Gross margin ในไตรมาสนี้เท่ากับ 17%

สัดส่วนยอดขายตามผลิตภัณฑ์ในไตรมาส 2/54 ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ายังคงเป็นมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งโดยคิดเป็นสัดส่วน 50% อันดับสองได้แก่ กุ้งแช่แข็ง 18% รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ในประเทศ 7% อาหารแมวบรรจุกระป๋อง 6% อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 5% อาหารกุ้ง 5% ปลาซาร์ดีนและแมคเคอเรลบรรจุกระป๋อง 4% ปลาแซลมอนแช่แข็ง 4% และปลาหมึกแช่แข็ง 1% โดยตลาดส่งออกหลักได้แก่ สหรัฐอเมริกา 35% รองลงมาคือ สหภาพยุโรป 35% ญี่ปุ่น 10% ขายในประเทศ 8% ออสเตรเลีย 3% เอเชีย 3% อัฟริกา 2% ตะวันออกกลาง 2% อเมริกาใต้ 1% และแคนาดา 1%

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัททำยอดขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐไปแล้ว 1,564 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขาย 1,026 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนรายได้จากการขายในรูปเงินบาทก็มีการเติบโตขึ้น 42% จาก 33,421 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อน มาอยู่ที่ 47,565 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่กำไรสุทธิรวม 6 เดือนแรกเท่ากับ 1,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 2.08 บาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

และเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้มีการออกหุ้นกู้จำนวน 3 ชุดขึ้นมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนสถาบันเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้สิทธิออกเพิ่มจากเดิมมูลค่า 4,500 ล้านบาท เป็น 6,750 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.51% หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.70% และหุ้นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.02% วัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนหนี้เดิมก่อนกำหนด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้น โดยในช่วง 2 ปีนี้ นโยบายหลักของบริษัท จะเน้นเรื่องของการชำระหนี้ รวมถึงการรักษาอัตราการทำกำไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ