ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่พุ่งสูงขึ้นเกินคาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนที่ทำให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายวันก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจกลับไปเผชิญภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลในประเด็นวิกฤตหนี้ที่กำลังลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปยังคงเป็นปัจจัยลบที่ทำให้ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 60.93 จุด หรือ 0.5% ปิดที่ 11,444.61 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 0.69 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 1,199.38 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 23.98 จุด หรือ 0.9% ปิดที่ 2,532.41 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแรงซื้อขายที่ผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่พุ่งสูงเกินคาดในเดือนก.ค. รวมถึงการที่นักลงทุนกลับเข้ามาในตลาดเพื่อซื้อคืนหุ้นหลังจากที่ดัชนีร่วงลงอย่างหนักในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
โดยในการซื้อขายระหว่างวันนั้น ดัชนีดาวโจนส์แกว่งตัวผันผวนด้วยการเปิดตลาดเคลื่อนไหวในแดนบวกขานรับตัวเลขจ้างงาน ก่อนที่จะทรุดฮวบลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และความเป็นไปได้เกี่ยวกับการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์สามารถดีดตัวกลับขึ้นมาปิดในแดนบวกได้สำเร็จ
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนที่ระดับ 46,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 85,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.1% จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.2%
หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เพิ่มขึ้น 1.7% หลังจากที่บริษัทด้านสินค้าอุปโภคบริโภคแห่งนี้มีผลประกอบการและรายได้เพิ่มขึ้นจากยอดขายที่แข็งแกร่งในตลาดเกิดใหม่
หุ้นเวียคอม อิงค์ ขยายตัว 1.9% ขานรันรายได้และผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นสูงเกินคาดในไตรมาส 2 จากยอดขายโฆษณาที่แข็งแกร่งและค่าธรรมเนียมจากบริษัทเคเบิล