ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) โดยมีหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารร่วงลงฉุดตลาดเคลื่อนไหวในแดนลบ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังไม่มีปฏิกิริยาต่อการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่พุ่งสูงเกินคาดในเดือนที่แล้วแต่อย่างใด
ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 146.15 จุด หรือ 2.7% แตะระดับ 5,246.99 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังคงมีแรงเทขายออกมาต่อเนื่องจากตลอดทั้งสัปดาห์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยความตื่นตระหนกต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ตลาดหุ้นลอนดอนดิ่งร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าในสัปดาห์หน้าบรรยากาศการซื้อขายในตลาดจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก
ขณะเดียวกันการรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งก็ไม่ได้ทำให้เกิดปฏิกิริยาใดๆต่อตลาดหุ้นลอนดอน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 117,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนที่ระดับ 46,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 85,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.1% จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 9.2%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารเป็นแกนนำที่ฉุดให้ดัชนีร่วงลงมาปิดในแดนลบ โดยหุ้นบีพี บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของอังกฤษตกลง 2.3% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์รูดลง 3.9%
หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ดิ่งหนัก 6.9% หลังธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่สูงเกินคาดในครึ่งปีแรก 1.4 พันล้านปอนด์ (2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยธนาคารประกาศแผนปลดพนักงาน 2,000 ตำแหน่งใน 18 เดือนข้างหน้า
หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ตกลง 6.1% หุ้นเอชเอสบีซี ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรปในแง่มูลค่าทางการตลาดร่วงลง 3.7% และหุ้นบาร์เคลย์ส ซึ่งเป็นธนาคารายใหญ่อันดับสองของอังกฤษในแง่สินทรัพย์ปรับตัวลดลง 5.1%