บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) คาดว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ายอดขายจะชะลอตัวลงจากไตรมาสแรก ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล แต่ก็ยังเชื่อว่าทั้งปียอดขายยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังตั้งเป้าในระยะ 3-5 ปีข้างหน้าจะรักษายอดขายให้เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 20% แต่อัตรากำไรต่อหุ้น(EPS)จะเติบโตได้สูงกว่ายอดขาย
สำหรับการเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่นและไต้หวัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/54
นายสมชัย ไตรสงวนวรกุล ประธานกรรมการบริหาร SNC คาดว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ายอดขายจะชะลอตัวลงจากครึ่งปีแรกที่มียอดขาย 5.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลโดยปกติที่ไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ แต่ก็ยังเชื่อว่าทั้งปียอดขายยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องโลว์ซีซั่นโดยการหาพันธมิตรใหม่เพื่อลงทุนในผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศทั้งในไต้หวันและญี่ปุ่น เชื่อว่าถ้ามีพันธมิตรใหม่จะทำให้ปี 55 บริษัทจะไม่มีปัญหารายได้ลดลงในช่วงโลว์ซีซั่นอีก คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/54
สำหรับภาะเศรษฐกิจโลกที่มีความกังวลในสหรัฐอเมริกาและยุโรปนั้นอนาคตอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทบ้างเพราะบริษัทมีลูกค้าอยู่แต่บริษัทมีแผนรับมือกับปัญหาดังกล่าวและเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรง
ส่วนค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทตามนโยบายรัฐบาลใหม่นั้น น่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรายเล็กที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นและอาจส่งผลต่อซัพพลายเออร์ของบริษัท ทำให้งานบางส่วนบริษัทต้องนำกลับมาผลิตเอง แต่ค่าแรงของลูกจ้างบริษัทเองนั้นส่วนใหญ่ไม่มีผลกระทบเพราะจ่ายในอัตราสูงกว่า 300 บาทต่อวันอยู่แล้ว และค่าแรงงานคิดเป็น 4% ของต้นทุนการผลิตเท่านั้นหากภาครัฐบาลมีมาตรการภาษีมาใช้ร่วมกันยิ่งไม่น่าจะส่งกระทบต่อบริษัท