DCC ตั้งงบลงทุนปี 55 ราว 400 ลบ.เปิด 15 สาขา-ซื้อเตาเผากระเบื้องเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 8, 2011 14:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมารุต แสงศาสตรา ผู้ช่วยเลขานุการบริษัทและผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไดนาสตี้ เซรามิค (DCC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 55 ไว้ราว 400 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเปิดสาขาใหม่อีก 15 สาขา จากปัจจุบันมี 218 สาขา และซื้อเตาเผาเพิ่มอีก 1 เตา เพื่อผลิตกระเบื้องบุผนังทดแทนสินค้าในตลาด หลัง บมจ.โรแยล ซีรามิค อุตสาหกรรม (RCI) ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ถูกบริษัท วี เอสเอสแอล เอ็นเตอร์ไพรส์จำกัด (VSSL) เข้าซื้อกิจการ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเตาเผากระเบื้องบุผนังเพิ่มเป็น 4 เตา จากปัจจุบันมี 3 เตา

ในปี 55 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 45% จากปีนี้อยู่ที่ 44% ตามยอดขายกระเบื้องขนาด 16x16 นิ้วที่จะเพิ่มขึ้น โดยกระเบื้องขนาดดังกล่าวมีมาร์จิ้นอยู่ที่ 46% และขณะนี้มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 35-40%ของยอดขายรวม ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มยอดขายเป็น 45% ในปีหน้า ส่วนกระเบื้องขนาด 12x12 นิ้ว ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขาย 50% จะลดลงในปีหน้า

ประกอบกับ ราคาสินค้าโดยเฉลี่ยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 133 บาท/ตารางเมตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 129 บาท/ตารางเมตร และจะเพิ่มเป็น 131 บาท/ตารางเมตรในสิ้นปีนี้

สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่ากำไรจะสูงกว่าปี 53 หลังจากราคาก๊าซมีแนวโน้มปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่มาร์จิ้นสิ้นปี 54 จะอยู่ที่ 46% เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่อยู่ 42.7% และปัจจุบันอยู่ที่ 44% หลังราคาก๊าซปรับลดลง และมีจำนวนเตาเผาที่เพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มเตาเผาเพิ่มอีก 1 เตา ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 58 ล้านตารางเมตร/ปี และในเดือน พ.ย.54 จะเพิ่มเตาเผาอีก 1 เตา ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 61 ล้านตารางเมตร/ปี

ยอดขายในปีนี้คาดว่าเติบโตอย่างน้อย 10% จากปีก่อน มากว่าตลาดรวมที่คาดว่ายอดขายจะเติบโต 5-6% โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายเติบโตแล้ว 7-8% และคาดว่ายอดขายในไตรมาส 3/54 และไตรมาส 4/54 จะเติบโตเฉลี่ยไตรมาสละ 16-17%ขณะที่การลงทุนในปีนี้คาดว่าจะใช้เพียง 500 ล้านบาท จากที่ตั้งงบลงทุนไว้ 607 ล้านบาทเพื่อใช้เพิ่มเตาเผาใหม่ 2 เตา และเพิ่มสาขาใหม่ 17 แห่ง เนื่องจากได้รับผลดีจากเงินบาทแข็งค่า

นายมารุต กล่าวถึงนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาท ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อต้นทุนเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท/เดือน แต่คงไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมผลประกอบการของบริษัท ซึ่งค่าแรงคิดเป็น 6% ของต้นทุนรวม แต่ในทางอ้อมจะได้รับผลดีจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ