นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวว่า ในวันที่ 10 ส.ค.บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทรัพย์มั่นคง 3 (ASP-SIF3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ในประเทศที่เปิดเสนอขายเป็นรอบระยะเวลา
รอบการลงทุนนี้กองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยและตราสารหนี้ในประเทศ เช่น ตั๋วแลกเงินของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารธนชาต (TBANK) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮาส์ (LHB) และบจ. เอเซียเสริมกิจ ลีสซิ่ง (ASK) อายุประมาณ 3 เดือน คาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.25% ต่อปี
"กองทุน ASP-SIF3 เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นๆ และคาดหวังผลตอบแทนที่ดี ในระดับความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ เนื่องจากกองทุนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ในประเทศ และมีรอบการลงทุนสั้นๆ ประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาการลงทุนที่เหมาะสม ตามช่วงการปรับตัวของดอกเบี้ยขาขึ้น" นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศที่ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3.25% ต่อปี โดยคาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในครั้งต่อๆ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ กนง. น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้สูงว่าภายในสิ้นปี อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจปรับขึ้นถึงระดับ 4%
ในภาวะที่มีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกสูง ทั้งจากการที่สหรัฐฯ ถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ซึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่รับความผันผวนของตลาดได้ต่ำควรปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นต่างประเทศ และเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นๆ ในประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
ทั้งนี้ ในสภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเช่นนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ ขอแนะนำให้ลงทุนในตราสารที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อไม่ให้เสียโอกาสผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป