ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดฮวบลงเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ดิ่งลงหนักสุดในรอบกว่า 6 ปี เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่สหรัฐถูกลดอันดับความน่าเชื่อถืออาจจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบสอง ซึ่งจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรของสเปนและอิตาลี เพื่อช่วยให้ประเทศทั้งสองสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 634.76 จุด หรือ 5.55% ปิดที่ 10,809.85 จุด ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 79.92 จุด หรือ 6.66% ปิดที่ 1,119.46 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 174.72 จุด หรือ 6.90% ปิดที่ 2,357.69 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางการซื้อขายที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA พร้อมให้แนวโน้มเชิงลบ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเอสแอนด์พีมองว่าแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการคลังที่สภาคองเกรสและคณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐเห็นชอบไปในสัปดาห์นี้นั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้สถานการณ์หนี้สาธารณะของประเทศมีเสถียรภาพได้
นอกเหนือจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐแล้ว เอสแอนด์พียังได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงินของรัฐบาลที่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาหนี้ระยะยาวของสหรัฐ รวมถึงแฟนนี เม และเฟรดดี แมค
นักวิเคราะห์ด้านการเงินจากเจฟเฟอร์รี แอนด์ โค กล่าวว่า การที่สหรัฐถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือทำให้ตลาดตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบสอง และจะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกระส่ำระสายไปด้วย นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สหรัฐยังทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง และหันไปถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเช่นทองคำ และพันธบัตร
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภท 10 ปีของสหรัฐร่วงลงต่ำกว่าระดับ 2.4% เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อว่าพันธบัตรเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจยังผันผวนและไร้ทิศทาง
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ออกมาเตือนว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ของสหรัฐ หากรัฐบาลสหรัฐยังไม่สามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณได้ โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงตั้งแต่ช่วงเช้า แม้ประธานาธิบดีโอบามาได้พยายามยับยั้งกระแสความตื่นตระหนกด้วยการออกแถลงการณ์เมื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดก็ตาม
"ตลาดมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องปกติ แต่ที่นี่คือสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะให้อันดับหรือลดอันดับ AAA ของเราหรือไม่ก็ตาม" โอบามากล่าว
เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ประมาณการว่า การลดอันดับเครดิตของสหรัฐจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี และอาจจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น 0.60-0.70% ในระยะกลาง
ขณะที่อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่านายเดวิด เบียร์ส กรรมการผู้จัดการฝ่ายจัดอันดับความน่าเชื่อถือของเอสแอนด์กล่าวว่า ตลาดจะได้รับผลกระทบแค่ในวงจำกัดก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรของสเปนและอิตาลี เพื่อช่วยให้ประเทศทั้งสองสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้
หุ้นกลุ่มการเงินที่คำนวนในดัชนี S&P 500 รว่งลง 10% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 20.3% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 8.3%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ วันอังคาร ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 2 และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย
วันพุธ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนมิ.ย., กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค., รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.