นายถกล ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS)มั่นใจว่าแนวโน้มของผลประกอบการในงวดปี 54 จะมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง จากที่วางเป้าหมายเบื้องต้นคาดว่ารายได้รวมจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% หลังจากผลประกอบการงวดไตรมาส 3/54 ทำผลงานทุบสถิติ
ทั้งนี้ KBS รายงานว่างวดไตรมาส 3/54 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.54 ผลประกอบการพลิกเป็นกำไรสุทธิ 423.74 ล้านบาท คิดเป็นอัตราขยายตัว 908.76% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 52.39 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 689.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 390.31% เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 140.67 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้ KBS มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้มีการประหยัดค่าใช้จ่ายในการผลิต และมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนบริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์น้ำตาลเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาลในตลาดโลกจำนวน 82.23 ล้านบาท แต่สำหรับในไตรมาส 3/54 บริษัทไม่มีผลกระทบเกิดขึ้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ปริมาณอ้อยทั่วประเทศในปีนี้มีมากกว่าปีก่อนที่มี 68.5 ล้านตัน ตามข้อมูลของฝ่ายสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.54 ระบุว่าปีนี้อ้อยทั่วประเทศ 95.36 ล้านตัน ทำให้มีการแข่งขันซื้ออ้อยระหว่างโรงงานน้อยลง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการจัดหาอ้อยลดลงมากในงวดนี้ ขณะเดียวกันราคาขายน้ำตาลก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาขายเฉลี่ยน้ำตาลต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้น 24%
“ผลประกอบการในไตรมาส 3/54 ถือเป็นผลประกอบการที่สูงสุดนับแต่ก่อตั้ง KBS มา ซึ่งสาเหตุหลักก็เป็นผลมาจากการทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ของทีมงาน KBS ทุกๆ คน ผนวกกับที่ผ่านม เราได้มีการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทำให้สามารถผลิตน้ำตาลได้มากขึ้นขึ้น ผนวกกับรอบปี 2554 ประเทศไทยมีปริมาณอ้อยเข้าหีบมากขึ้นและราคาน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยบวกหนุน KBS ทั้งสิ้น"นายถกล กล่าว