(เพิ่มเติม) SVI ชะลอซื้อกิจการในยุโรป,ลุ้นลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มออร์เดอร์ 20ล้านเหรียญ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 9, 2011 16:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เอสวีไอ (SVI) ชะลอซื้อกิจการในยุโรปออกไปก่อน เนื่องจากขณะนี้ปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรโซนเริ่มลุกลามขยายวงกว้างขึ้น บริษัทจึงหันมาเน้นกิจการที่มีอยู่ โดยคาดว่ายอดขายในปีนี้จะเติบโต 30% ตามเป้าหมาย มาที่ 330 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขณะนี้มีคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ในมือครบแล้วและยังหวังว่าจะได้ลูกค้าจากญี่ปุ่นเพิ่มอีก 1 ราย คาดว่ามีออร์เดอร์ราว 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนในปีหน้ารายได้รวมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตราว 20% จากปีนี้ ซึ่งบริษัทได้เตรียมงบลงทุน 350 ล้านบาทเพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตโรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ขณะที่มองว่าหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันตามนโยบายรัฐบาลใหม่ ก็จะทำให้รายจ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 4 ล้านบาท/เดือน ค่าแรงคิดเป็น 2.5% ของต้นทุนทั้งหมด

นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVI เปิดเผยว่า บริษัทได้ชะลอแผนซื้อกิจการในยุโรปออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากปัญหาหนี้สินในยุโรปเริ่มลุกลามไปยังประเทศต่างๆ จากเดิมที่บริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการในยุโรป จำนวน 2-3 แห่ง ซึ่งกิจการแต่ละแห่งมียอดขายประมาณแห่งละ 350 ล้านเหรียญสหรัฐ

"ดีล M&A ที่เราศึกษามาตั้งแต่ปลายไตรมาส 1/54 ช่วงนี้ก็ชะลอออกไปก่อน หลังเมื่อเดือน พ.ค. เริ่มมีวิกฤตหนี้สิน และในเดือนมิ.ย.ปัญหาเริ่มลุกลามไปโปรตุเกส ตอนนี้ก็มาสเปนและอิตาลี เราก็เลยหยุดไว้ก่อนอย่างไม่มีกำหนด รอให้สถานการณ์นิ่ง ถ้ามองในภาพรวม วิกฤตหนี้สินในยุโรปและสหรัฐคงไม่มีผลต่อบริษัทมากนัก แต่ในระยะยาวขอรอดูสถานการณ์อีกทีว่าลูกค้าจะมีปัญหามากน้อยแค่ไหน"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของ SVI ในปัจจุบันมองว่าภายใน 6 เดือนข้างหน้าไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตหนี้สินในยุโรปและปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ เนื่องจากปัจจุบันมีออร์เดอร์ล่วงหน้า 100% ไปจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVI กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 55 เติบโตราว 20% พร้อมทั้งตั้งงบลงทุน 350 ล้านบาทเพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรและขยายโรงงานแห่งที่ 1 เฟส 3 ขณะที่ยอดขายในปีนี้เชื่อว่าเติบโตได้ตามเป้าที่ 30% โดยแนวโน้มยอดขายครึ่งปีหลังจะอยู่ประมาณ 175 ล้านเหรียญ มากกว่าครึ่งปีแรกที่ 162 ล้านเหรียญ ทั้งนี้เป็นไปตามฤดูกาล นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น ที่ระดับ 11.5% และอัตรากำไรสุทธิ มากกกว่า 9%

"ปกติเรา growth ปีละ 20% ทุกปี 6 เดือนข้างหน้าคิดว่ายังไม่มี impact แต่หลังจาก 6 เดือนเราไม่รู้ ต้องมาดูอีกทีช่วงสิ้นปี ส่วนปีหน้า ก็น่าจะโต 20% หรืออาจจะโตมากกว่า 20%" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว

นอกจากนั้น ภายในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าใหม่จากญี่ปุ่นอีก 1 ราย คาดว่าจะมีคำสั่งซื้ออย่างมากประมาณ 20 ล้านเหรียญ

"หลังจากเราสร้างโรงงานแห่งที่ 5 ก็ไว้เพื่อรองรับลูกค้าใหม่จากญี่ปุ่นที่เราหวังเจาะตลาดเข้าไป หลังรัฐบาลญี่ปุ่นหวังให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่กระจายไปอยู่ในต่างประเทศมากขึ้น หลังจากเกิดปัญหาสึนามิ เพื่อจะได้ใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งปัจจุบันเราก็มีลูกค้าญี่ปุ่นที่ดูแลอยู่ 1-2 ราย ก็หวังจะได้สัก 1 ราย ภายใน 6 เดือนนี้" นายพงษ์ศักดิ กล่าว

สำหรับเงินลงทุนในปี 54 บริษัทได้ใช้ไปแล้วจำนวน 469 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 550 ล้านบาท โดยใช้ในการซื้อโรงงานแห่งที่ 5 ประมาณ 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้ปรับปรุงโรงงานแห่งที่ 2 และ 3 ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปปรับปรุงโรงงานแห่งที่ 2 ต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานเป็นระดับสากลเหมือนโรงงานแห่งที่ 1


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ