กลุ่ม"พิมล-วิชัย"ลั่นพร้อมเพิ่มทุน PICNI 1.7 พันลบ.เข้าถือหุ้น 85%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 10, 2011 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต กรรมการผู้จัดการบริษัท เพลินจิต แคปปิตอล จำกัด ในฐานะตัวแทนกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาฟื้นฟูกิจการ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) เปิดเผยผ่านเอกสารเผยแพร่ว่า กลุ่มผู้ลงทุนที่มีความพร้อมจะใส่เงินเพิ่มทุนมาชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการให้กับ PICNI เป็นเงิน 1,700 ล้านบาท ข้อสรุปแล้วว่าเป็นบุคคล 6 ราย

ประกอบด้วย นายวิชัย ทองแตง 600 ล้านหุ้น หรือถือหุ้นในสัดส่วน 30% หลังปรับโคงสร้างทุน, นายสุรพล ซีประเสริฐ จำนวน 320 ล้านหุ้น หรือ 16%, นายมนตรี เล็กวิจิตรธาดา จำนวน 300 ล้านหุ้น หรือ 15%, นายกัมพล ตติยกวี จำนวน 200 ล้านหุ้น หรือ 10% , นางสาวกนานุช เล็กวิจิตร จำนวน 200 ล้านหุ้น หรือ 10% และ นายพิมล ศรีวิกรม์ จำนวน 80 ล้านหุ้น หรือ 4%

ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มเจ้าหนี้ 5% และผู้ถือหุ้นเดิม 10%

อนึ่ง นายสุรพล ซีประเสริฐ ประธาน บริษัท เคเบิลไทยโฮลดิ้ง หรือ CTH ผู้ประกอบการเคเบิลทีวี และประธานเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับพันธมิตรอีกราย เข้าซื้อหุ้น บมจ.โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998)(SLC)จากนายฉาย บุนนาค ในสัดส่วน 10% ซึ่งนายฉายเปิดเผยในวันนี้ว่าต้องการดึงเข้ามาถือหุ้นระยะยาวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจทีวีดาวเทียม

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ลงทุนดังกล่าวมีความพร้อมด้านเงินทุน และให้ความสนใจในการเข้าฟื้นฟูกิจการของ PICNI อีกทั้งยังมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องที่จะเสริมศักยภาพการดาเนินธุรกิจให้ ปิคนิค กลับมาพลิกฟื้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนายวิชัย เป็นผู้ประสบความสาเร็จในการพลิกฟื้นกิจการหลายธุรกิจ นายสุรพล เป็นผู้ประกอบธุรกิจพลังงานรายใหญ่ของประเทศ มีความเชี่ยวชาญในระบบขนส่ง มีความรู้ความเข้าใจและมองเห็นศักยภาพในการขยายธุรกิจของปิคนิคเป็นอย่างดี นายมนตรี เป็นนักอุตสาหกรรมรายใหญ่ มีธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์ โรงงานแป้งมันสาปะหลัง โรงงานน้าตาล โรงงานผลิตเอทานอล และมีความสนใจต่อยอดธุรกิจเข้าสู่พลังงานทางเลือก ส่วนที่เหลือเป็นเจ้าของธุรกิจและนักบริหารมืออาชีพ

“หลังจากมีการเพิ่มทุนเป็นที่เรียบร้อย กระบวนการต่อไปคือ การทาให้บริษัทกลับมาแข็งแกร่งโดยเน้นการบริหารงานอย่างมีธรรมภิบาลที่ดี และบริหารโดยผู้บริหารมืออาชีพ อาจมีการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ให้สอดคล้องกับธุรกิจที่จะขยายตัวมากขึ้น นาไปสู่การเป็นผู้ประกอบธุรกิจพลังงานเต็มรูปแบบที่มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดดและสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หลังจากนั้นก็จะเร่งให้หุ้นกลับมาเปิดซื้อขายให้เร็วที่สุด" ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าว

ด้านนายพิมล กล่าวว่า เดิมตั้งใจจะลงทุนในสัดส่วน 20% โดยจะไม่เข้าร่วมในการบริหาร และจะใช้ผู้บริหารมืออาชีพ แต่เนื่องจากมีประเด็นนำตนเองเข้าเกี่ยวข้องทางการเมืองจึงได้หารือกับนักลงทุนทั้งหมด และตัดสินใจลดสัดส่วนการถือหุ้น และเปิดทางให้กับผู้ลงทุนกลุ่มนี้เข้ามาถือหุ้นเป็นหลัก

ทั้งนี้ มองว่าสินทรัพย์ของ PICNI อยู่ในภาวะที่จะทำธุรกรรมได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมองเห็นศักยภาพของธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะธุรกิจค้าก๊าซ รวมถึงการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งอนาคตของปิคนิคไม่ใช่แต่ขายก๊าซเท่านั้น แต่จะเป็นผู้นาพลังงานทุกรูปแบบที่จะเข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งผู้ที่จะได้ประโยชน์ คือ ผู้ถือหุ้นรายย่อย ที่เคยได้รับความเสียหายกันมามาก

ขณะที่นายวิชัย กล่าวว่า การตัดสินใจเข้ามาลงทุนเนื่องจากเล็งเห็นว่า PICNI เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต สามารถก้าวไปสู่บริษัทผู้นาพลังงานทุกรูปแบบที่เข้าถึงประชาชนทุกภูมิภาค โดยใน 55 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งจะสร้างความพึงพอใจให้กับกลุ่มนักลงทุน เจ้าหนี้ และผู้เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี อยากให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนรายย่อยว่าบริษัทฯ จะมุ่งเน้นการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล เดินไปสู่ความรุ่งเรืองด้านพลังงานอย่างแท้จริง

หลังการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,800 ล้านบาท ตามแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อรองรับการแปลงหนี้เป็นทุนของกลุ่มเจ้าหนี้ จำนวน 100 ล้านบาท และรองรับการเพิ่มทุนของกลุ่มผู้ลงทุน 6 ราย จำนวน 1,700 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท จะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นเปลี่ยนแปลง

และหลังจากดำเนินการลดทุน/เพิ่มทุนแล้ว PICNI จะต้องนำเงินเพิ่มทุนจำนวน 1,700 ล้านบาท ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ปลอดจากภาระหนี้สินเดิมทั้งหมด และภายในวันนี้กลุ่มผู้ลงทุนจะได้ทาหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการเจ้าหนี้เพื่อให้เตรียมเปิดบัญชีเงินฝากรองรับเงินเพิ่มทุนของกลุ่มผู้ลงทุนให้เรียบร้อยภายในวันที่ 29 ส.ค.2554

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ลงทุนจะแจ้งให้ PICNI ในฐานะผู้บริหารแผน เร่งดาเนินการตามกระบวนการลดทุน/เพิ่มทุน ให้พร้อมและเสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามแผนฟื้นฟูกิจการด้วย คาดหมายว่าน่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เพื่อผลประโยชน์ของนักลงทุนรายย่อย เจ้าหนี้ และพนักงาน ตลอดจนการดาเนินธุรกิจต่อไปในอนาคตของปิคนิค

สำหรับผลการดาเนินงานของ PICNI ภายใต้ข้อจำกัดของเงินทุนหมุนเวียนที่มีอยู่ปัจจุบัน PICNI สามารถทำยอดขายได้ประมาณ 25,000 ตันต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากอดีตในช่วงเวลาทาแผนฟื้นฟูกิจการที่ขายอยู่ประมาณ 12,000 ตันต่อเดือน ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ปิคนิคได้กลับเข้ามาใช้คลังตามปกติตลอดจนเป็นผู้บริหารจัดการคลังเอง ซึ่งคาดว่าจะสามารถมีกำไรจากการดำเนินงานตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป และจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในอนาคต ตามเป้าหมายของยอดขายที่ 10,000 ล้านต่อปี อันเป็นผลจากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งภายใต้การฟื้นฟูกิจการและการสนับสนุนของกลุ่มนักลงทุนใหม่ในครั้งนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ