บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF) ปรับเป้ารายได้ปี 54 ขึ้นเป็น 2.1-2.2 แสนล้านบาท หรือเติบโต 12% จากปีก่อน โดยจากเดิมที่ตั้งไว้ 2 แสนล้านบาท เนื่องจากคาดว่าครึ่งปีหลังรายได้และกำไรจะสูงขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 9.9 หมื่นล้านบาท และ กำไร 8.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจส่งออก และธุรกิจอาหาร โดยสินค้าส่งออกสำคัญ คือ กุ้ง คาดว่ามูลค่าจะเติบโต 12-15% ในปีนี้มาที่ 3 หมื่นล้านบาท
"ยอดขายทั้งปีคิดว่าจะเติบโต 12% อาจไปถึง 2.1-2.2 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีหลังสูงกว่าครึ่งปีแรก กำไรครึ่งปีหลังก็ดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะเรายังมุ่งไปสู่ธุรกิจอาหาร และขยายตลาดต่างประเทศ วิกฤติเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและยุโรปไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรา "นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่าธุรกิจอาหาร ซึ่งให้อัตรากำไรสูงจะมีสัดส่วนในปีนี้ราว 20% โดยครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโต 16% ขณะที่ธุรกิจเลี้ยงสัตว์โต 9% และธุรกิจอาหารสัตว์เติบโต 4%
นายอดิเรก กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะผลักดันเพิ่มราคาสินค้าเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และ ปริญญาตรีมีเงินเดือน 15,000 บาท เชื่อว่าช่วยทำให้กำลังซื้อดียิ่งขึ้น และสนับสนุนให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพราะจะช่วยให้ผู้รายได้น้อยอยู่ได้ในภาวะที่สินค้าราคาแพง น้ำมันราคาแพง และภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้
ขณะที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายคุมราคาเนื้อสัตว์ แต่เนื่องจากบริษัทเห็นใจกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการลดภาระให้กับผู้มีรายได้น้อย จึงคิดว่าทำได้ระยะสั้น แต่ระยะยาวควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด และสนับสนุนให้มีผู้เลี้ยงมากขึ้น ส่วนราคาสินค้าสำเร็จรูปที่ CPF ผลิตและจำหน่ายในประเทศ ขณะนี้บริษัทตรึงราคาอยู่ระยะหนึ่งแม้ว่าต้นทุนสูงขึ้น
"เราเห็นว่ารัฐบาลควรจะสนับสนุนการเลี้ยงเพื่อเพิ่มผลผลิตมากขึ้น อย่ามองแต่คุมราคาอย่างเดียว จะเป็นการทำลายกลไกตลาด"นายอดิเรก กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังคงงบลงทุนในช่วง 5 ปี (54-58) ที่ 4 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจในและต่างประเทศ
ด้านนายพิสิฐ โอมพรนุวัฒน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจการค้าต่างประเทศ คาดว่าในปี 54 มูลค่าส่งออกกุ้งและไก่ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3 หมื่นล้านบาท เติบโต 12-15%จากปีก่อน โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจะมีมุลค่าส่งออก 1.7 หมืนล้านบาทจากครึ่งปีแรกที่ส่งออก 1.3 หมืนล้านบาท แบ่งเป็นส่งออกไก่ 7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 20% และส่งออกกุ้ง 6 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10% อย่างไรก็ตาม เงินบาทแข็งค่า บริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงป้องกันไว้แล้ว ที่ระดับ 30-31 บาท/ดอลลาร์
ขณะที่ตลาดสหรัฐได้มีการปรับลดภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) กุ้งส่งออกของไทยเหลือ 0.4-0.7% จากเดิมประมาณ 4% ทำให้มียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท เนื่องจากปีนี้ผลผลิตกุ้งทั่วโลกลดลง
สำหรับการออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน CPF กล่าวว่า จากการออกหุ้นกู้ช่วยคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยของบริษัทไว้ที่ 4.7% ทำให้ต้นทุนธุรกิจในอนาคตดีขึ้น เพราะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น โดยขณะนี้หุ้นกู้อายุ 30 ปี ดอกเบี้ย 5.4% จำนวน 4 พันล้านบาทได้จองหมดแล้ว ส่วนหุ้นกู้อายุ 7 ปี ดอกเบี้ย 4.65% จำนวน 3 พันล้านบาท และ อายุ 10 ปี จำนวน 3 พันล้านบาท ดอกเบี้ย 4.8% จะเปิดจองซื้อในวันพรุ่งนี้ (11 ส.ค.) ทั้งนี้จะนำเงินไปรีไฟแนนซ์จำนวน 7 พันกว่าล้านบาท ส่วนทีเหลือนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน