นายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน บมจ.โกลว์ พลังงาน(GLOW) กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังของปี 54 มีปัจจัยบวก คือการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงขนาด 382 เมกะวัตต์ที่จะเริ่มดำเนินการในเดือนกันยายนนี้และการเข้าซื้อไทยเนชั่นแนล พาวเวอร์ (TNP)
ขณะที่ในครึ่งแรกของปี 54 ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท การเพิ่มขึ้นของต้นทุนเชื้อเพลิงถ่านหิน การครบกำหนดระยะเวลาการยกเว้นภาษีสิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบีโอไอ ของ บจ.โกลว์ ไอพีพี และการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าห้วยเหาะ พาวเวอร์ที่ลดลง เนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนมีน้อยผิดปกติในปี 2553 ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท แม้ว่ามีการเพิ่มขึ้นของความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมของบริษัท
ทั้งนี้ ครึ่งปีแรกของปี 54 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) มีจำนวน 4,724 ล้านบาท และกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ (NNP) จำนวน 2,076 ล้านบาท เทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2553 ลดลงร้อยละ 6.5 และร้อยละ 19.8 ตามลำดับ
นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัท ไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ ได้เข้ามาเป็น ส่วนหนึ่งของธุรกิจพลังงานความร้อนร่วมของกลุ่มบริษัทโกลว์ การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ไม่เพียงจะเพิ่มการซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยภายใต้ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กอีกจำนวน 90 เมกะวัตต์ และการซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้าอุตสาหกรรมอีกจำนวน 50 เมกะวัตต์
แต่บริษัทยังมีโครงการขยายกำลังการผลิต โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงอีกจำนวน 110 เมกะวัตต์ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกำลังการผลิตของบริษัทอีกด้วย สำหรับโครงการขยายกำลังการผลิตของบริษัทไทยเนชั่นแนลพาวเวอร์ 2 นี้มีกำหนดการเดินเครื่องเชิงเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 55