นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงแผนออกหุ้นกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าเศรษฐกิจในสหรัฐกับยุโรปจะยังคงมีปัญหา แต่คาดว่าวงเงินหุ้นกู้เสนอขายจะปรับลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปตามความจำเป็นการใช้เงิน
ในปี 54 บริษัทยังคงใช้เงินลงทุนตามแผนที่วางไว้ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยขณะนี้ใช้ไปแล้ว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังที่ชัดเจน ได้แก่ การเข้าซื้อหุ้นในกองทุน Transfield Services Infrastructure Fund (TSIF)ในประเทศออสเตรเลีย เพิ่มอีก 12% ใช้เงินลงทุนราว 55 ล้านเหรียญออสเตรเลีย จากปัจจุบันถืออยู่ 56.16% จากเป้าหมายที่จะถือเป็น 80% ภายในปีนี้
ขณะที่บริษัทยังมีดีลการเจรจาเข้าซื้อหุ้นกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย อีก 2 แห่ง โดยต้องการเข้าถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 25% เพื่อมีสิทธิออกเสียงในการบริหาร คาดว่าภายปี 54 น่าจะได้ข้อสรุป
"เราไม่ปิดกั้นตัวเองในการลงทุน ไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนแต่ในลาว หรือ ออสเตรเลีย โดยดีลที่จะลงทุนอยู่ในเอเชีย ตามแผนการลงทุน บริษัทจะต้องหากำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 1.2 พันเมกะวัตต์ เพื่อให้มีกำลังการผลิต 6,600 เมกะวัตต์ในปี 2561" นายนพพล กล่าว
สำหรบผลประกอบการในไตรมาส 3/54 คาดว่ารายได้และกำไรจะดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีโครงการที่แล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ ได้แก่ โครงการน้ำงึม 2 รวมทั้ง การเข้าถือหุ้นใน TSIF ในออสเตรเลียที่มีโรงไฟฟ้าจำนวน 8 แห่ง คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 520 ล้านบาท
และการถือเข้าหุ้น 10% ในการไฟฟ้าแห่งชาติของลาว หรือ บริษัท Electricite du Laos-Generation Public Company (EDL Gen)ซึ่งจะมีรายยได้เพิ่มเข้ามาจากโรงไฟฟ้าอีก 4 แห่งช่วงครึ่งหลังปี 54 จากปัจจุบันมีโรงไฟฟ้า 7 แห่ง กำลังการผลิตรวม 387 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 881 เมกะวัตต์ อีกทั้ง หุ้น EDL Gen ทำการซื้อขายในตลาดหุ้นลาว ซึ่งขณะนี้มีกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นแล้วประมาณ 270 ล้านบาท
นายนพพล มั่นใจว่า บริษัทจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ในราวเดือน ก.ย.นี้ ขณะนี้รอการพิจารณาจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติก่อน