นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผุ้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.พฤกษาเรียลเอสเตท(PS) คาดว่ารายได้ในปี 54 จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาที่ 3 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายที่ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท สาเหตุที่รายได้ลดลงจากเป้าหมายเนื่องมาจากรายได้จากธุรกิจที่ลงทุนไว้ต่างประเทศ คาดว่าจะทำรายได้ราว 600 ล้านบาท จากที่ตั้งเป้าไว้ถึง 2,400 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทจะพยายามหารายได้จากในประเทศเพิ่มขึ้นมาชดเชย
ขณะที่ทั้งปีบริษัทยังคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตจากปีก่อน 30% จะทำให้กำไรสุทธิในปีนี้ใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่อัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)ของบริษัทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15-16% จากปี 53 ที่ 14.9%
นายสมบูรณ์ เปิดเยผว่า บริษัทจะออกหุ้นกู้วงเงิน 3 พันล้านบาท อายุ 5 ปี คาดว่าดอกเบี้ยเฉลี่ยที่กว่า 4% เสนอขายในเดือน พ.ย. 54 เพื่อนำไปใช้รีไฟแนนซ์หุ้นกุ้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน ม.ค. 55 จำนวน 1.5 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 5.75% ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E)ในสิ้นปีนีที่ระดับ 1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.18 เท่า
อย่างไรก็ตาม แผนการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลใหม่ว่าจะมีออกมาตรการใดกระตุ้นกำลังซื้อหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการชะลอซื้อของประชาชนเพื่อรอดูนโยบายรัฐบาล
สำหรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทประมาณเพิ่มขึ้น 4-5% ก็อาจทำให้บริษัทต้องทยอยปรับขึ้นราคาขายบ้านอีกราว 3% พร้อมไปกับการบริหารจัดการต้นทุนภายในให้มีประสิทธิภาพเพือลดต้นทุนการจัดการลง
ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวว่า บริษัทชะลอแผนการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากติดขั้นตอนการซื้อที่ดินและการขออนุญาต ทำให้การลงทุนต้องล่าช้า ไม่ใช่จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป โดยปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนในมัลดีฟ อินเดีย และเวียดนาม
โครงการในต่างประเทศปีนี้เริ่มมีความชัดเจนที่จะรับรู้รายได้ โดยครึ่งปีแรกบริษัทมียอดจองจากโครงการ Silvana เมืองบังกาลอว์ ประเทศอินเดีย และ โครงการ คอรัล วิลล์ ในสาธารณรัฐมัลดีฟ รวม 413 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 3/54 จะเริ่มรับรู้รายได้จากการส่งมอบห้องชุดในมัลดีฟ 2 อาคารแรก ส่วนอีก 7 อาคารอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะทยอยส่งมอบในปี 54 จนถึงต้นปี 55
ขณะนี้บริษัทมียอดขายรอการโอนในมือ(backlog)อยู่กว่า 3.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 54-57 และครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 40 โครงการ มูลค่ารวม 2.8 หมื่นล้านบาท เน้นโครงการแนวราบเป็นหลักให้สอดคล้องกับความต้องการลูกค้าและตลาด เนื่องจากมองว่าตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงที่เหลือของปีนี้มีความเสี่ยงมากขึ้น ตามแรงกดดันต่อผู้บริโภคมีสูงขึ้นทั้งจากเงินเฟ้อเร่งตัว และดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งมองว่าจะกระทบกับตลาดคอนโดมิเนียมก่อนโครงการแนวราบ
อนึ่ง แผนทั้งปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 78 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท