บมจ.บ้านปู(BANPU) คาดว่าในปี 54 จะมีรายได้จากการขายรวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท โดยผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากเหมืองในอินโดนีเซียผลิตถ่านหินได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาถ่านหินเฉลี่ยในปีนี้จะสูงกว่า 95 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งทำให้คาดว่ากำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าวว่า ผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซียจะสามารถดำเนินการผลิตถ่านหินได้มากขึ้นหลังจากเข้าสู่ฤดูแล้ง นอกจากนี้ คาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันอยู่ในระดับที่มากกว่า 95 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยคาดว่ารายได้จากการขายรวมในปีนี้จะมากกว่า 90,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน BANPU มีฐานธุรกิจใน 4 ประเทศหลัก คือ ไทย อินโดนีเซีย จีน และออสเตรเลีย
สำหรับผลประกอบการนครึ่งแรกของปี 54 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 12,324 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นกำไรจากธุรกิจถ่านหิน 11,546 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของกำไรสุทธิ และธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 778 ล้านบาท หรือ 6% ของกำไรสุทธิ
กำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในเหมืองถ่านหินต้าหนิง ประเทศจีน จำนวน 6,307 ล้านบาท ในไตรมาส 1/54 และกำไรจากธุรกิจถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยครึ่งปีแรกปริมาณขายถ่านหินมีจำนวน 18 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 6.5 ล้านตัน หรือ 56.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 10.62 ล้านตัน และออสเตรเลียมีจำนวน 7.36 ล้านตัน ในขณะที่ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
“ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยจากแหล่งผลิตในประเทศอินโดนีเซียในครึ่งปีแรกปรับตัวสูงขึ้นเป็น 91.94เหรียญสหรัฐต่อตัน จาก 72.02 เหรียญสหรัฐต่อตันในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นผลจากราคาถ่านหินในตลาดภูมิภาคที่ปรับตัวสูงขึ้น และจากปริมาณและราคาขายที่เพิ่มขึ้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปีนี้จะสูงกว่าปีที่แล้ว" นายชนินท์ กล่าว
ครึ่งแรกของปี 54 BANPU มีรายได้จากการขายรวม 49,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,975 ล้านบาท หรือ 63% จากครึ่งแรกของปีก่อนหน้า แบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหิน 46,303 ล้านบาท หรือ 94% ของรายได้จากการขายรวม ประกอบด้วยรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจากแหล่งผลิตในอินโดนีเซีย 30,223.5 ล้านบาท ออสเตรเลีย 16,063 ล้านบาท และไทย 16.2 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีน และรายได้อื่นๆ มีจำนวน 2,763 ล้านบาท คิดเป็น 6% ของยอดขายรวม
“ธุรกิจไฟฟ้าในครึ่งปีแรกมีผลกำไรที่ลดลง โดยส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี มีจำนวน 1,165 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 35 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากราคารับซื้อไฟฟ้าในปีนี้ปรับลดลงตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 81 ล้านบาท ในขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในประเทศจีนรายงานกำไรสุทธิจำนวน 186 ล้านบาท" นายชนินท์ กล่าว
ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิ.ย.54 มีสินทรัพย์รวม 205,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.53 และมีหนี้สินรวม 125,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,099 ล้านบาท อัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนเท่ากับ 0.73 เท่า เทียบกับ 1.06 เท่า และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (EPS) เท่ากับ 45.35 บาทต่อหุ้น จาก 23.82 บาทต่อหุ้นในครึ่งปีแรกของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีปริมาณสำรองถ่านหินทั้งหมด 902.07 ล้านตัน ณ วันที่ 30 มิ.ย.54 เพิ่มขึ้น 310.25 ล้านตันเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว