นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน (PYLON) เชื่อว่า ครึ่งปีหลังมั่นใจว่าผลประกอบการจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างชัดเจน เนื่องจากในไตรมาส 2/54 บริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 3.6 ล้านบาท และถือเป็นช่วง Low season จากมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน อีกทั้งปีนี้มีผลตกชุกเป็นพิเศษถือเป็นอุปสรรคในการทำงานที่สำคัญ ดังนั้น งานบางส่วนจึงเลื่อนไปรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง จึงน่าจะสะท้อนให้ผลประกอบการดีกว่าครึ่งปีแรกดังกล่าว
ประกอบกับ บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มากกว่า 1,050 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า จึงคาดว่าเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาทในปีนี้ก็ยังคงเป็นไปตามที่วางไว้
ในปีนี้นอกเหนือจากการขยายงานรับเหมาฐานรากหรืองานเสาเข็มเจาะแล้ว บริษัทยังเดินหน้าขยายงานรับเหมาก่อสร้างประเภทแนวราบเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากมีความพร้อมเป็นอย่างมากทั้งด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีในการก่อสร้างและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากเจ้าของโครงการเป็นอย่างดี โดยได้รับงานประมูลเข้ามาแล้วประมาณ 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 450-500 ล้านบาท และยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการรอผลการประมูล
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/54 บริษัทฯรวมบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 18.40 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.09 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 15.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 530% จากปี 53 ที่ทำได้ 2.92 ล้านบาทหรือหุ้นละ 0.01 บาท ส่งผลให้ผลงานสะสมงวด 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 43.65 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.22 บาท เพิ่มขึ้น 40.13 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1,140% จากช่วงเดียวกันในปี 53 ที่ทำได้ 3.52 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.02 บาท
กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นทั้ง 2 งวดเป็นผลมาจากมีงานไหลเข้าตลาดเพิ่มขึ้นจากทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน สะท้อนให้รายได้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยในไตรมาสที่ 2/54 มีรายได้จากการรับจ้างรวม 246.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 134.50 ล้านบาท มีต้นทุนจากการรับจ้าง 199.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 120.53 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และ ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร รวม 17.59 ล้านบาท (รวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 3.6 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 12.08 ล้านบาท ตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น
ส่วนงวดหกเดือนมีรายได้จากการรับจ้างรวม 466.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 249.16 ล้านบาท มีต้นทุนจากการรับจ้าง 370.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 227.80 ล้านบาท ตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหาร และ ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร รวม 31.53 ล้านบาท (รวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นจำนวน 3.6 ล้านบาท) จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 23.01 ล้านบาท