ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 125.71 จุด หลังสหรัฐเผยยอดค้าปลีกสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday August 13, 2011 06:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นสองวันติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบสี่เดือน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนบรรเทาความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 125.71 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 11,269.02 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6.17 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 1,178.81 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 15.30 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 2,507.98 จุด

เมื่อวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐได้เปิดเผยยอดค้าปลีกที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยกระทรวงฯรายงานว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 3.904 แสนล้านดอลลาร์ ในเดือนกรกฎาคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิถุนายน

ตัวเลขค้าปลีกเดือนก.ค.ได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายยานยนต์ที่ปรับตัวขึ้นอีก 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนมิ.ย.

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเป็นข้อมูลสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ เพราะมีสัดส่วนถึงราว 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสหรัฐ

ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน ซึ่งโดยปกติแล้ว สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นถือเป็นการส่งสัญญาณบวก

ข้อมูลดังกล่าวช่วยบดบังข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนักอย่างดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เมื่อรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคมที่ลดลงแตะระดับ 54.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปี เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกหดหู่กับการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ค่าจ้างต่ำ และการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะลดลงมาอยู่ที่ 63.0 ในช่วงต้นเดือนส.ค. จากระดับ 63.7 ในช่วงท้ายเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์กล่าวว่า รายงานยอดค้าปลีกออกมาดี ซึ่งช่วยให้แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐมีเสถียรภาพมากขึ้นและลดสถานการณ์ความไม่แน่นอนในตลาด ส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นที่ขณะนี้มีราคาถูกลงมาก

หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ พุ่ง 7.2% หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสนี้ของบริษัทจะช่วยชดเชยกับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นได้

หุ้นนอร์ดสตอร์มบวก 4.6% หลังจากที่บริษัทห้างสรรพสินค้ารายงานผลประกอบการที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดยังคงเปราะบางและอ่อนไหว เนื่องจากความไม่แน่นอนต่างๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปยังคงมีอยู่ โดยคาดว่าหุ้นจะยังคงผันผวนในสัปดาห์หน้า

สำหรับสถานการณ์ในยุโรปนั้น หน่วยงานกำกับดูแลของตลาดหลักทรัพย์ของฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และเบลเยียม ได้สั่งห้ามการทำชอร์ตเซลหุ้นกลุ่มการเงิน โดยเป็นความพยายามเพื่อปกป้องบริษัทการเงินจากนักเก็งกำไร และเพื่อช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในตลาด ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นธนาคารยุโรปดีดตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงหนักในระหว่างสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐยังปรับตัวลดลง โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วง 7.3% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงของกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐที่มีต่อวิกฤตการเงินยุโรป เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ลบ 2.1% และแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ