ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ส.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2553 หลังจากมีรายงานว่าฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และเบลเยียม ประกาศห้ามการยืมหุ้นมาขายก่อนล่วงหน้า หรือการทำชอร์ตเซล โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการเก็งกำไรในตลาด
ดัชนี Stoxx 600 พุ่งขึ้น 3.7% ปิดที่ 237.49 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3213.88 จุด พุ่งขึ้น 124.22 จุด และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 5997.74 จุด ทะยานขึ้น 200.08 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และเบลเยียม ประกาศห้ามทำชอร์เซลเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาด หลังจากราคาหุ้นโซซิเอเต เจนเนอราล ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้มีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีกำลังผลักดันการห้ามทำชอร์ตเซลสำหรับหุ้นที่ยังไม่มีการกู้ยืมมาก่อน (naked short-selling) รวมถึงพันธบัตรรัฐบาล และตราสาร CDS (credit default swaps) เนื่องจากเป็นวิธีเดียวที่จะสามารถจัดการกับการเก็งกำไรได้อย่างมั่นใจ ในการซื้อขายแบบชอร์ตเซลนั้น นักลงทุนจะขายหุ้นที่ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของหรือถืออยู่ในมือ แต่ไปยืมหุ้นมาขาย เมื่อคาดว่าราคาหุ้นตัวนั้นกำลังจะตกลง เป็นวิธีการที่นักลงทุนสามารถสั่งขายหุ้นเมื่อราคาสูงขึ้น และซื้อคืนในภายหลังเมื่อราคาลดต่ำลง ซึ่งผู้ลงทุนจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาขายที่สูงกว่าราคาซื้อ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 3.904 แสนล้านดอลลาร์ ในเดือนก.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 1.5185 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นโซซิเอเต เจนเนอราล (ซอคเจน) พุ่งขึ้น 5.7% หุ้นเด็กเซีย ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเบลเยียม พุ่งขึ้น 17% หุ้นเคบีซี กรุ๊ป เอ็นวี ดีดตัวขึ้น 9.6% หุ้นยูบีเอส เอจี พุ่งขึ้น 5.7% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สพุ่งขึ้น 5.3% หุ้นลอยด์ แบงกิง กรุ๊ป ดีดตัวขึ้น 5% และหุ้นบังโค ซานตานเดร์ ทะยานขึ้น 6.6%
หุ้นกลุ่มประกันดีดตัวขึ้นเช่น นำโดยหุ้นซูริค ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส บริษัทประกันภัยรายใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 7.1% หุ้นสวิส ไลฟ์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 7.4% หุ้นซีเอ็นพี แอสชัวรันซ์ ดีดตัวขึ้น 8.2% และหุ้นอัลไลอันซ์ เอสอี ดีดตัวขึ้น 5.3%
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ที่ระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซน หดตัวลง 0.7% ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ขยายตัว 0.2% ในเดือนพ.ค. ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะที่ลุกลามในยุโรป