SSI ตั้งเป้าปริมาณขาย H2/54 โต40%จากH1, เลื่อนเปิดรง.ที่อังกฤษเป็นธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 15, 2011 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ตั้งเป้าหมายปริมาณขายในครึ่งหลังของปีนี้โตขึ้น 40% จากครึ่งปีแรก ที่จำนวน 1.2 ล้านตันเท่ากับครึ่งหลังของปี 2553 เนื่องจาก กำลังซื้อที่กลับมาของอุตสาหกรรมต่อเนื่องโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และอิเล็กทรอนิคส์ หลังประสบปัญหาจากภัยพิบัติสึนามิ

นอกจากนี้การได้รัฐบาลใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งภาคราชการก็ได้ดำเนินการตอบโต้การทุ่มตลาดเหล็กแผ่นรีดร้อน และการเร่งไต่สวนการทุ่มตลาดของเหล็กแผ่นรีดร้อนเจือโบรอนจากประเทศจีน

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2554 เอสเอสไอและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการรวม จำนวน 9,511 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนของเอสเอสไอมีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 391 ล้านบาท สาเหตุจากปัจจัยลบภายนอก 3 ประการ ส่วนธุรกิจโรงถลุงเหล็กของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี สหราชอาณาจักร จำกัด หรือ เอสเอสไอ ยูเค ขาดทุนสุทธิ จำนวน 662 ล้านบาท สาเหตุจากค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินการถลุงเหล็กตามที่ได้คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว สำหรับงวดครึ่งแรกของปี เอสเอสไอและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 21,528 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายของเอสเอสไอจำนวน 19,680 ล้านบาท ลดลง 5,920 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23 จากงวดเดียวกันของปีก่อน

“ในไตรมาส 2/2554 นี้ อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศอยู่ในภาวะลำบาก มีปัจจัยลบต่างๆ ที่กระทบต่อผลประกอบการ ได้แก่ 1) การปรับตัวสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ออสเตรเลีย ในขณะที่ภาครัฐควบคุมราคาขายทำให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมภายในประเทศไม่สามารถปรับราคาขายเหล็กแผ่นรีดร้อนได้ครอบคลุมกับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น 2) มีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยการนำเข้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจือโบรอนจากประเทศจีนจำนวนมากเข้ามาทุ่มตลาดแย่งส่วนแบ่งตลาด 3) เหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 ส่งผลให้ความต้องการใช้เหล็กแผ่นคุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์และอิเล็กทรอนิคส์ลดลง ซึ่งกระทบกับฐานตลาดเป้าหมายของเอสเอสไอโดยตรง และทำให้เอสเอสไอขาดทุนในไตรมาสที่ 2/2554 โดยเอสเอสไอสามารถผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนได้ถึง 329,963 ตันซึ่งส่วนใหญ่เป็นตลาด ภายในประเทศ หรือคิดเป็นปริมาณการขายลดลงในอัตราร้อยละ 39 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเอสเอสไอมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 6 ราย พร้อมกับเน้นการขายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า (Premium Value Products) ได้ถึงสัดส่วนร้อยละ 32 ของยอดขาย" นายวิน กล่าว

ทั้งนี้ มั่นใจว่าค่าการรีดในไตรมาส 3 กลับมาระดับปกติ เนื่องจากสถานการณ์ตลาดฟื้นกลับมาแล้ว

ส่วนการกลับมาเปิดดำเนินงานของโรงถลุงเหล็ก Teesside Cast Products (TCP) ในอังกฤษที่บริษัทซื้อมาจากกลุ่มทาทาสตีลนั้น คาดว่า จะสามารถเปิดดำเนินการถลุงเหล็กและผลิตเหล็กแท่งแบน ได้ประมาณเดือนธ.ค.54 ซึ่งเลื่อนจากแผนเดิมไปประมาณ 2 เดือน เนื่องจากต้องการลงทุนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ เอสเอสไอมีแผนที่จะออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพ ประเภทด้อยสิทธิ อายุไม่เกิน 5 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี มีส่วนเพิ่มของราคาแปลงสภาพ (conversion premium) ประมาณร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 30 ในจำนวนเงินรวมไม่เกิน 2,250,000,000 บาท โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราจัดสรร 11,000 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ ก่อนเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับการลงทุนเพิ่มเติมในเอสเอสไอ ยูเค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ