MK เตรียมเปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.72 พันลบ.ใน H2/54

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 15, 2011 14:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ. มั่นคงเคหะการ (MK) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ จะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,720 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีโครงการที่ดำเนินการอยู่กว่า 20 โครงการ สามารถสร้างยอดจองได้แล้ว 50% ของเป้าหมายการขายทั้งปี 3,000 ล้านบาท

สำหรับในไตรมาสที่ 2/2554 บริษัทฯ มีกำไรเบื้องต้น 258.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 206.00 ล้านบาท และเติบโตขึ้น 60.42% จากไตรมาสที่ผ่านมา ที่มีกำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 161.44 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังรักษาความสามารถในการบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี ประกอบกับโครงการหลักที่รับรู้รายได้ในไตรมาสนี้มีกำไรเบื้องต้นในระดับสูง ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรเบื้องต้น (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้สูงถึง 40.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 39.03% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสนี้ เท่ากับ 98.47 ล้านบาท ซึ่งได้รวมค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน จากการปรับปรุงมาตรฐานการบัญชีใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเล็กน้อยซึ่งอยู่ที่ 99.59 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A to sales) ที่ลดลงเป็น 15.40% จาก 18.87% ในปีที่ผ่านมา หลังจากหักดอกเบี้ยและภาษีแล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 3 เดือน 114.59 ล้านบาท คิดเป็น 0.13 บาทต่อหุ้น เติบโตขึ้น 143.81% จากไตรมาสที่ผ่านมาและ 45.11% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิ 17.80% เพิ่มขึ้นจาก 11.41% ในไตรมาสที่ 1/2554

ในงวด 6 เดือน บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,045.13 ล้านบาท กำไรเบื้องต้น 420.42 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนกำไรเบื้องต้น 40.23% สูงกว่าปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 39.58% และกำไรสุทธิ 161.59 ล้านบาท คิดเป็น 0.19 บาทต่อหุ้น ลดลง 41% จากปีที่ผ่านมา สำหรับอัตราส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 15.31% ลดลงจาก 18.85% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในส่วนของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 144.12 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อนำมาพัฒนาโครงการใหม่ ในขณะที่หนี้สินปรับตัวเพิ่มขึ้น 171.41 ล้านบาท จากการกู้เพิ่มเพื่อนำมาพัฒนาโครงการใหม่ และเพื่อรองรับการขยายตัวในปีหน้า จึงทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจาก 0.30 เท่าเป็น 0.34 เท่า ผลจากการลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มยังทำให้กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบ (37.98) ล้านบาท จากเดิมที่เคยเป็นบวก อย่างไรก็ดี กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนเป็นบวกอยู่ 91.94 ล้านบาท เนื่องจากภาระเงินฝากค้ำ ประกันสาธารณูปโภคโครงการลดลง นอกจากนี้บริษัทฯ มีภาระหนี้ที่ต้องชำระคืนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำให้กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินติดลบเพียง (72.94) ล้านบาท จากที่เคยติดลบ (314.07) ล้านบาท ในปี 2553


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ