บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 3/54 (1 เม.ย.-30 มิ.ย.54) มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 297 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,376 ล้านบาท ถึงแม้ว่ารายได้ไตรมาสนี้จะลดลง 4% จาก 4,542 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ผลกำไรกลับเพิ่มสูงขึ้น 60% เทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 185 ล้านบาท
เนื่องจากการปรับปรุงกองเรือทำให้อัตราค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้น, เริ่มเห็นสัญญาณบวกในบมจ. เมอร์เมด มาริไทม์ (เมอร์เมด) เนื่องจากธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำมีอัตราการใช้ประโยชน์สูงและอัตราค่าเช่าเรือรายวันสูงขึ้น ในส่วนของธุรกิจขุดเจาะ เรือขุดเจาะ MTR-2 สามารถต่อสัญญาเพิ่มได้อีก 270 วัน
พร้อมกันนั้น บริษัท เอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่งค์ จำกัด (AOD) สามารถระดมเงินทุนจากการเพิ่มทุนได้ 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าจดทะเบียนในตลาด Olso Axess เป็นที่เรียบร้อย
ขณะที่ธุรกิจที่ TTA ใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยงในการลงทุน อย่างเช่น ปิโตรลิฟต์ และ บาเรีย เซเรส สามารถให้ส่วนแบ่งกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีความคืบหน้าเชิงบวกจาก บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) ในการที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และลดสต็อคถ่านหินขนาด 0-5 มม. รวมทั้งธุรกิจบาคองโคยังคงได้รับผลดีจากความต้องการปุ๋ยที่สูงมาก
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า ถึงแม้ว่า ตลาดธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง และธุรกิจวิศวกรรมโยธาใต้น้ำจะยังคงไม่ฟื้นตัวนัก โดยธุรกิจขนส่งมีส่วนแบ่งกำไรให้กับ TTA ได้ทั้งสิ้น 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส แต่ลดลง 77% เมื่อเทียบปีต่อปี ธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งกอง ยังคงต้องเผชิญกับสถานการณ์ปริมาณเรือล้นตลาด
อย่างไรก็ดี TTA ได้ทำการปรับปรุงและจัดกองเรือใหม่ ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราค่าระวางเรือเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ในขณะที่ ดัชนี BDI เพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น รายได้จากการลงทุนจากกลุ่มธุรกิจขนส่งจะยังคงเติบโตต่อไป เนื่องจาก ปิโตรลิฟต์ สามารถสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 33% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
บริษัทฯ มีรายได้จากการขายเรือเก่าจำนวน 7 ลำประมาณ 205 ล้านบาท โดยเมื่อสิ้นสุดไตรมาส 3/54 กองเรือของ TTA มีจำนวนทั้งสิ้น 18 ลำ โดยมีระวางบรรทุกเฉลี่ยที่ 37,107 เดทเวทตัน และอายุเฉลี่ย 11.5 ปี กองเรือที่ทันสมัยนี้จะช่วยให้ TTA สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดในช่วงขาลงของอุตสาหกรรมเดินเรือ
กลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน มีส่วนแบ่งกำไรสุทธิให้บริษัทฯ 88 ล้านบาท ลดลด 37% เมื่อเทียบปีต่อปี และลดลง 2% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เนื่องจาก UMS ขายสต็อคถ่านหินขนาด 0-5 มม. ไปกว่า 200,000 ตัน ส่วนบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐานก็ยังสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่ดีไว้ได้
UMS รายงานผลกำไรสุทธิ 10 ล้านบาทในไตรมาส 3/54 โดยมีส่วนแบ่งผลกำไรให้กับ TTA จำนวน 6 ล้านบาท โดยมียอดขายถ่านหิน 404,221 ตัน โดยเป็นถ่านหินขนาด 0-5 มม.เกือบ 50% ของปริมาณการขายถ่านหินทั้งหมด ซึ่งเป็นถ่านหินที่มีราคาขายต่ำที่สุดของถ่านหินทุกขนาด จึงส่งผลให้กำไรขั้นต้นเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสลดลง
ไตรมาส 3/54 นี้เป็นไตรมาสที่ดีเยี่ยมของบาคองโคอีกครั้ง โดยมีกำไรสุทธิ 68 ล้านบาท ซึ่งยอดขายที่ดีเป็นผลมาจากความต้องการปุ๋ยที่สูงในเดือน พ.ค.และมิ.ย.
ด้านกลุ่มธุรกิจพลังงานสร้างผลกำไรให้กับ TTA ทั้งสิ้น 22 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 115% เมื่อเทียบปีต่อปี และ 118% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส สัญญาณบวกในธุรกิจวิศวกรรมโยธาใต้น้ำทำให้เมอร์เมดกลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังจากขาดทุนมาติดต่อกันถึง 5 ไตรมาส
ทั้งนี้ เมอร์เมดรายงานผลกำไรสุทธิ 44 ล้านบาทในไตรมาส 3/54 โดยมีส่วนแบ่งผลกำไรให้ TTA ที่ 26 ล้านบาท ธุรกิจวิศวกรรมโยธาใต้น้ำมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรืออยู่ที่ 75% เมื่อเทียบกับ 57% ของไตรมาส 3/53 ถึงแม้ว่าอัตราค่าเช่าเรือรายวันจะยังไม่สูงมากนักตลอดทั้งไตรมาส เรือขุดเจาะนั้น เรือขุดเจาะ MTR-2 มีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือสูงเต็มอัตรา (99.8%) และยังได้ต่อสัญญาออกไปอีก 270 วัน
ส่วน AOD ก็สามารถระดมเงินทุนครั้งที่ 2 และสามารถชักชวน Seadrill มาร่วมเป็นพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ได้ โดย AOD สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาด Oslo Axess ของประเทศนอร์เวย์ได้เมื่อเดือนกรกฎาคม 2554
นอกจากนี้ TTA ได้กำไรจากการทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศระหว่างเงินดอลลาร์สหรัฐกับเงินเยนญี่ปุ่น