นายสงวน ตรีเจริญวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการคนใหม่ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น(PICNI) เผยงานไม่หนักพลิกฟื้นกิจการค้าก๊าซ คาดพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ภายในปีหน้าตามแนวโน้มความต้องการก๊าซที่เติบโตแข็งแกร่ง แต่คงยังกลับเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้ เหตุมีความผิดปกติที่ต้องจัดการให้ชัดเจนทั้งสินทรัพย์ โดยเฉพาะปริมาณถังก๊าซตามบัญชี และหนี้เสียกว่า 400-500 ล้านบาท
นายสงวน กล่าวว่า หลังจากได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการบริษัทเมื่อ 9 ส.ค.54 เพื่อฟื้นฟูธุรกิจให้กลับมาแข่งขันได้ ซึ่งหลังจากดูภาพรวมธุรกิจยังเป็นว่าแนวโน้มธุรกิจค้าก๊าซยังเติบโตได้จากความต้องการทีมีอย่งต่อเนื่อง จึงไม่หนักใจที่จะพลิกฟื้นธุรกิจ เพียงแต่เชื่อว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร
"การที่จะทำให้บริษัทออกจากแผนฟื้นฟูฯ และกลับเข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์คงยังทำไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้"นายสวงน กล่าว
ปัจจุบัน PICNI มียอดขายราว 2 หมื่นตัน/เดือน แต่ในช่วง ก.ค.-ส.ค.54 ยอดขายลดลงเหลือ 1.9 หมื่นตัน/เดือน เนื่องจากบริษัทหยุดการขายสินค้าให้ลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่สร้างหนี้เสียเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 52 โดยบริษัทจะเร่งหาลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเพื่อให้ยอดขายกลับมาที่ 2 หมื่นตัน/เดือน และยังวางเป้าหมายที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 หมื่นตัน/เดือนภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าธุรกิจค้าก๊าซมีข้อจำกัดจากการถูกการควบคุมราคาขายปลีก ทำให้ต้องมีการแจ้งคาดการณ์ยอดขายล่วงหน้า 1 ปี เพื่อที่ภาครัฐจะตัดสินใจให้โควต้าในการซื้อก๊าซของบริษัท ดังนั้น การเติบโตของบริษัทจะคงที่อยู่ในระดับ 5-10% ต่อปี ไม่สามารถเติบโตก้าวกระโดด
นอกจากนั้น บริษัทยังมีปัญหาหนี้คงค้างจากลูกหนี้ซึ่งกระจุกตัวที่ 6-7 บริษัท คิดเป็นมูลหนี้รวม 400-500 ล้านบาท บริษัทจะพยายามเร่งติดตามทวงหนี้กลุ่มนี้คืนมาให้ได้ แต่สัปดาห์หน้าจะได้รับชำระคืนหนี้จากลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวประมาณ 10-20 ล้านบาท ขณะที่บริษัทจะเร่งการบริหารกระแสเงินสดให้เพิ่มขึ้น ด้วยการบริหารจัดการการขายเป็นเงินสด เพื่อไม่ให้ธุรกิจเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง
นายสงวน กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีประเด็นท้าทาย คือ 4 ก.ย.54 กรมธุรกิจพลังงานกำหนดให้ผู้ค้าต้องเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซจาก 0.5% ของยอดขายทั้งปี เป็น 1% ซึ่งจะทำให้บริษัทต้องมีการสำรองก๊าซเพิ่มจาก 1,200 ตัน/เดือน เป็น 2.4-2.5 พันตัน/เดือน บริษัทจึงต้องหาเงินสดมาใช้ดำเนินการดังกล่าวอีก 10-20 ล้านบาท/เดือน
อีกทั้งบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7% ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับผู้ค้าก๊าซรายอื่น ดังนั้น บริษัทก็จะหาแนวทางการบริหารต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะค่าขนส่ง ตั้งความหวังอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 10% และยังตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 4% ในปัจจุบัน ให้กลับคืนมาเท่ากับเดิมที่เคยมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 12% โดยอาศัยอาศัยความได้เปรียบจากการมีคลังก๊าซที่ลำปางและสมุทรสงคราม และมีแบรนด์"ปิคนิค"เป็นที่รู้จักของลูกค้า จึงเชื่อว่าจะสามารรถแข่งขันในตลาดได้
สำหรับภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทยังมีผลขาดทุนใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และทั้งปีคาดว่าจะยังคงขาดทุนต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ ส่วนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรหรือธุรกิจคงต้องรอการพิจารณาของผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ ซึ่งเท่าที่ผ่านมาก็ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเท่าที่จำเป็นไปบ้างแล้ว เช่น การจัดตั้งหน่วยงานเครดิตคอนโทรลเพื่อดูแลการติดตามหนี้
นายสงวน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกลับกลุ่มผู้ลงทุนรายใหม่ โดยวันที่ 1 ก.ย.นี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่จะใส่เงินเพิ่มทุนจำนวน 1.7 พันล้านบาทเพื่อนำมาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ จากนั้นจะมีการนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลล้มละลาย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจึงจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ การทำงานของบริษัทต่อจากนั้นคงต้องขึ้นกับการพิจารณาของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ว่าจะมีกรปรับเปลี่ยนหรือไม่อย่างไร ในส่วนของตนเองพร้อมทำงานโดยไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องทำงานให้กับกลุ่มใด
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่มีความเป็นห่วงหลังจากเข้าไปพิจารณาภาพรวมธุรกิจของบริษัท พบความผิดปกติในหลายเรื่อง เรื่องแรกคือ สินทรัพย์ โดยเฉพาะปริมาณถังก๊าซว่าถูกต้องตามบัญชีที่มีมูลค่านับพันล้านบาทหรือไม่ ซึ่งผู้สอบบัญชีได้ให้ความเห็นไว้ตั้งแต่ปี 52 ว่ามีความผิดเกิดขึ้นและไม่สามารถตรวจสอบได้ ต่อเนื่องมาถึงปี 53 ก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ขณะทีผู้บริหารชุดเดิมก็ไม่ได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ติตามตรวจสอบได้ยากมาก
อีกประเด็นคือยอดลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียจะต้องมีการติดตามจัดการทวงหนี้ โดยขณะนี้ได้ปรับปรุงระบบการติดตามหนี้และจัดชั้นหนี้ใหม่ พร้อมทั้งตั้งที่ปรึกษาอิสระทางกฎหมายและที่ปรึกษาการเงินอิสระแข้าตรวจสอบภายในบริษัทใหม่ทั้งหมด