นายวินิจ แตงน้อย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO)เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปี 54-58 จะทำกำไรปีละไม่ต่ำกว่า 5-6 พันล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 5,048.9 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เดินเครื่องแล้ว 14 แห่ง และอยู่ระหว่างติดตั้งอีก 5 แห่ง
สำหรับผลประกอบการปีนี้ คาดว่ากำไรในครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่มีกำไรสุทธิ 2.97 พันล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะมีกำไรไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และเป็นไปตามโครงสร้างค่าไฟฟ้า
นายวินิจ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าร่วมทุนในโครงการพลังงานทดแทนเพิ่มเติม ทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ รวมกว่า 300 เมกะวัตต์ในประเทศ ซึ่งคาดหวังจะสรุปได้อย่างน้อย 1 โครงการในปีนี้
ขณะที่โครงการต่างประเทศขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาขยายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอยู่แล้วในฟิลิปปินส์ ได้แก่ เควซอน พาวเวอร์และโคแนลโฮลดิ้งส์ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการพลังงานลมในฟิลิปปินส์ด้วย พร้อมกันนั้น ยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาด 500 เมกะวัตต์ในฟิลิปปินส์ผ่านเควซอน ขณะเดียวกันเจรจาซื้อกิจการไฟฟ้าในเวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยคาดหวังว่าจะสรุปได้ 1 โรงในต่างประเทศภายในปีนี้
นายปิยะ เจตะสานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบริการองค์กร EGCO กล่าวว่า บริษัทเตรียมเงินทุนสำหรับเข้าร่วมทุนกิจการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ จากกระแสเงินสดที่มี ณ สิ้น มิ.ย.54 จำนวน 5 พันล้านบาท และบริษัทยังมีความสามารถกู้เงินได้อีกมาก เนื่องจากสิ้น มิ.ย.54 มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ระดับแค่ 0.25 เท่า
สำหรับการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทจะยังคงจ่ายเงินปันผลในอัตรา 5.25 บาทต่อหุ้นเท่ากับปีที่แล้ว แม้ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลงจากปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทได้ยื่นข้อเสนอให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เมื่อ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอต่ออายุสัญญาออกไปอีก 5 ปีสำหรับโรงไฟฟ้าระยอง จากสัญญาเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 57 ซึ่งคาดหวังว่าจะรับการต่ออายุตามที่บริษัทเสนอไป ส่วนโรงไฟฟ้าขนอมเตรียมจะขอต่ออายุออกไปอีก 5 ปี ในปีหน้า อย่างไรก็ดี จะรอดูแผน PDP ของภาครัฐก่อนว่าเป็นอย่างไร หากไม่มีการเปิดประมูลสร้างโรงไฟฟ้า IPP ก็จะต่ออายุ