ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ลบ 76.97 จุดเหตุตลาดผิดหวังผลประชุมฝรั่งเศส-เยอรมนี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 17, 2011 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสไม่ได้เปิดเผยแผนการที่เฉพาะเจาะจงในเรื่องการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสียรภาพการเงินยุโรป และการออกพันธบัตรสกุลเงินยูโร นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวช้าลงอย่างมากในไตรมาส 2 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยูโรโซนอีกครั้ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 76.97 จุด หรือ 0.67% แตะที่ 11,405.93 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 11.73 จุด หรือ 0.97% แตะที่ 1,192.76 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 31.75 จุด หรือ 1.24% แตะที่ 2,523.45 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วนเกือบ 3 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมระหว่างนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในการประชุมฉุกเฉินซึ่งจัดขึ้นเมื่อวานนี้ โดยผู้นำทั้งสองได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการประสานนโยบายต่างๆในยูโรโซนให้มีความกระชับมากขึ้น แต่ไม่ได้เปิดเผยแผนการที่เฉพาะเจาะจงในการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (EFSF) หรือการออกพันธบัตรสกุลเงินยูโร

นอกจากนี้ นักลงทุนยังผิดหวังที่ผู้นำทั้งสองไม่ได้ร่างแผนการที่จริงจังในการแก้ปัญหาการลุกลามของวิกฤตหนี้ในยูโรโซน ซึ่งกระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากหุ้นกลุ่มการเงินมีความอ่อนไหวอย่างมากต่อวิกฤตการคลังในยุโรป

ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีรายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวเพียง 0.1% ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ขยายตัว 1.3% ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปจะชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง

นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยลบมากขึ้นเมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค.ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 604,000 ยูนิตต่อปี จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 613,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐซบเซาลงอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวฟิทช์ เรทติ้งส์ ที่ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ AAA พร้อมกับให้แนวโน้มมีเสถียรภาพ ซึ่งความเคลื่อนไหวของฟิทช์มีขึ้นไม่นานหลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ AAA ต่างจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ที่ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+

นักวิเคราะห์จากไดเร็คชัน ฟันด์กล่าวว่า ผลกระทบของการถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐเริ่มแผ่วลงแล้ว และตลาดกำลังหันมาให้ความสำคัญกับข้อมูลเศรษฐกิจมากกว่า โดยเมื่อวานนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐขยายตัว 0.9% ในเดือนก.ค. เนื่องจากผลผลิตรถยนต์และผลผลิตในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ปรับตัวสูงขึ้น

หุ้นวอล-มาร์ท สโตเรส พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 5.7% สู่ระดับ 3.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.09 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่ 3.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 97 เซนต์ต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดต้นทุนเพื่อชดเชยยอดขายที่ลดลงในสหรัฐ

หุ้นโฮมดีโปท์พุ่งขึ้น 5.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ค. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ