นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีบิลท์(PREB)เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้จากเดิม 2.75 พันล้านบาท โดยอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 3 พันล้านบาท หรือเติบโต 40% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิเชื่อว่าทำได้ทะลุหลักร้อยล้านบาท จากงานรับเหมาในมือ(backlog)มูลค่าประมาณ 3.7 พันล้านบาท และยังมีแผนจะประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง
ประกอบกับ ปีนี้บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ บริษัท บิลท์แลนด์ รวมทั้งบริษัท พีซีเอ็ม ผู้ผลิตพื้นและผนังสำเร็จรูปที่อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/54 หรือต้นไตรมาส 4/54 ซึ่งจะทำให้ปีหน้าบริษัทเติบโตอย่างมากรับปีทองของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
แต่ขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ทั้งการขึ้นค่าแรงงานและการปรับลดภาษีเงินได้เพื่อปรับกลยุทธทางธุรกิจให้สอดคล้องกัน โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปในการปรับเป้าหมายรายได้ในช่วงไตรมาส 3/54
"กำลังรอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ เรื่องขึ้นค่าแรงก็มีผลต่อการ bid งาน หรือถ้าในปีหน้าจะมีการลดภาษีเหลือ 23% เราก็อาจจะโยกไปโอนโครงการในปีหน้า แต่ขึ้นกับผู้ถือหุ้นจะรับได้หรือเปล่า"นายชัยรัตน์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกออกมาดีกว่าที่คาดไว้ โดยไตรมาส 2/54 มีรายได้ 839.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 44.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 266% ขณะที่ครึ่งแรกของปี 54 บริษัทมีรายได้ 1,497.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.3% และมีกำไรสุทธิ 67.2 ล้านบาท เพิ่ม 171% มากกว่าทั้งปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า บริษัทมีความได้เปรียบจากการเป็นผู้รับเหมาขนาดกลางที่มีเครื่องมืออุปกรณ์ค่อนข้างมาก ทำให้ใช้แรงงานไม่มากเหมือนผู้รับเหมารายเล็ก อีกทั้งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่เคยว่าจ้างงานมาก่อนที่มอบงานใหม่ให้กับบริษัทเพิ่มเติม อย่างกลุ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้างที่เคยว่าจ้างให้บริษัทสร้างโรงงานชาเขียวแห่งใหม่ให้กับ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป(OISHI), บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC), บริษัท ไม่ตัน จำกัด ของนายตัน ภาสกรนที และเครือแลนด์แอนด์เฮ้าส์(LH)
"ธุรกิจอสังหาฯเขาก็อยากจับมือกับผู้รับเหมาที่เขาไว้ใจได้เป็นพันธมิตร เป็นเหตุผลที่เราได้งานต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ที่เคยรับงานมาก่อนแล้วเขาพอใจผลงาน เขาก็เอางานใหม่มาให้เรา ตอนนี้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นนางงามที่มีแต่คนมารุมจีบ"นายชัยรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ PREB ยังมีข้อได้เปรียบที่มีทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผลิตผนังและพื้นสำเร็จรูป ซึ่งทุกธุรกิจในเครือต่างเติบโตไปพร้อมกัน โดยบริษัท บิลท์แลนด์ จะมีการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง หลังจากพัฒนาโครงการในรูปแบบคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งจะยังมีการขึ้นโครงการใหม่ ๆ อีกในอนาคต ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างมองหาที่ดินที่เหมาะสมทำเลย่านบางบัวทองในการสร้างโครงการบ้านเดี่ยวด้วย
อนึ่ง บิลท์แลนด์เตรียมจะเปิดโครงการ"เดอะเทมโป เอ็มติวานนท์"คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 166 ยูนิต มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์"เดอะเทมโป ทาวน์"36 ยูนิต มูลค่าโครงการ 126 ล้านบาทก่อนสิ้นปีนี้
"โครงการแนวราบจะทำให้เรารับรู้รายได้เร็ว ช่วงระหว่างรอรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดฯขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลาก่อสร้างนาน ก็จะมีรายได้จากโครงการแนวราบเข้ามาต่อเนื่อง"นายชัยรัตน์ กล่าว
ปัจจุบัน โครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 2 โครงการ คือ"เดอะ เทมโป พหลโยธิน" มูลค่าโครงการ 387 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จภายในสิ้นปี 54 และจะสามารถทยอยรับรู้รายได้บางส่วนในปีนี้ "เดอะ เทมโปรัชดา" มูลค่าโครงการ 290 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 40% ซึ่งเปิดขายเมื่อเดือน มิ.ย.คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปีนี้
ขณะที่ บริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล อยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตพรีคาสท์เพิ่มขึ้นจาก 7.2 หมื่น ตร.ม./ปี เป็น 2.5 แสน ตร.ม./ปี ด้วยเงินลงทุน 40 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากกำลังผลิตที่เพิ่มเข้ามาช่วงปลายไตรมาส 3/54 หรือต้นไตรมาส 4/54
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ในปี 55 จะเป็นปีทองของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีอำนาจต่อรองสูงขึ้น สามารถเลือกงานที่ให้มาร์จิ้นในระดับที่ดีได้
"ขณะนี้ net margin ของเราอยู่ในระดับเดียวกับผู้รับเหมาขนาดใหญ่ที่ 4-5% ปีหน้าเป็นปีทองของผู้รับเหมา โดยเฉพาะที่ listed เราเลือกงานได้ เลือกงานที่มีมาร์จิ้นดี เขากดเราไม่ได้"นายชัยรัตน์ กล่าว
โดยเฉพาะ PREB ในปี 55 ก็จะเป็นปีทองเช่นกัน โดยรายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างจะทยอยรับรู้จาก backlog ที่มีอยู่ รวมทั้งงานที่จะเข้าประมูลใหม่ ประกอบกับ รายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้เปิดตัวไปในปีนี้ และรายได้จากพีซีเอ็มฯ ที่มีการขยายกำลังการผลิต จะเข้ามาเต็มที่
นายชัยรัตน์ ยังเปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมานักธุรกิจจากจีนและญี่ปุ่นได้เข้ามาเจรจาพูดคุยขอคำปรึกษากับบริษัท โดยแสดงความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งบริษัทก็มองว่าเป็นโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจกันได้ในอนาคตทั้งในลักษณะลูกค้า หรืออาจเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน
"ตอนนี้ถือว่าเป็นแค่ first visit เขาสนใจลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพราะมองว่ามี potential ที่จะเติบโตได้อีกมาก รายของจีนเขาซื้อที่ดินแล้วที่พัทยา กำลังวางแผนจะสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นเขามีโครงการในหลายประเทศทั่วโลก ก็อยากทำ property ที่เมืองไทยด้วย"นายชัยรัตน์ กล่าว