ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงไปกว่า 9.2% ในเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายโดยรวมยังคงผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากผลการประชุมผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสไม่ได้ระบุถึงแนวทางที่จำเป็นในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป
ดัชนี Stoxx 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 238.05 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดร่วงลง 45.96 จุด หรือ 0.77% แตะที่ 5,948.94 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,870.17-6,018.37 จุด และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 23.44 จุด หรือ 0.73% แตะที่ 3,254.34 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,182.27-3,288.82 จุด
นักลงทุนส่วนใหญ่ผิดหวังที่ผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศสไม่ได้เปิดเผยแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ยูโรโซน โดยในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันอังคาร รวมถึงการเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (EFSF) หรือการออกพันธบัตรสกุลเงินยูโร ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
หุ้นเวสตัส วินด์ ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตระบบกังหันลมรายใหญ่ของยุโรป พุ่งขึ้น 24% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น 55 ล้านยูโร สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 41.5 ล้านยูโร
หุ้นซาโนฟีในกลุ่มสุขภาพพุ่งขึ้น 2.8% ส่วนหุ้นสวิส ไลฟ์ โฮลดิง ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรช่วงครึ่งปีแรกมูลค่า 403 ล้านฟรังค์ สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 277.3 ล้านฟรังค์
หุ้นคาล์สเบิร์กร่วงลง 17% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2554
ส่วนหุ้น Deutsche Boerse AG ซึ่งเป็นผู้บริหารตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ต ร่วงลง 5% หลังจากนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ยืนยันว่าจะดำเนินการจัดเก็บภาษีการทำธุรกรรมการเงิน