บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์(HMPRO)คงเป้ารายได้ปี 54 เติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อน หลังครึ่งปีแรกมียอดขายแล้วกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 18% และช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ายอดขายจะทำได้ไม่น้อยกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากการเมืองนิ่งและความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัว
สำหรับความคืบหน้าการเปิดสาขาในมาเลเซียนั้น คาดว่าจะเปิด 1-2 สาขาในไตรมาส 4/55 หลังล่าช้ามาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว
นายณัฎฐ์ จริตชนะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ HMPRO กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัท มีรายได้จากการขาย จำนวน 13,559 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.60% จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของสาขาเดิมและการเปิดสาขาใหม่ รวมถึงการจัดงาน"โฮมโปรเอ็กซ์โป"
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมียอดขายเติบโตไม่น้อยกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทยังคงเดินหน้าเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง คือ ที่ จ.ลพบุรี ในเดือน ก.ย. และ จ.สกลนคร ในเดือน พ.ย. ซึ่งจะทำให้สิ้นปีบริษัทจะมีสาขาทั้งหมด 45 แห่ง และทั้งปียังคงเป้าหมายยอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 15%
นายณัฎฐ์ กล่าวว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังจะจัดกิจกรรมกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยจัดงานฉลองครบรอบ 15 ปี จัดเต็ม ลุ้น ลด รับเพิ่ม ระหว่างวันที่ 25 ส.ค.-18 ก.ย.หวังสร้างยอดขายเพิ่มอีก 2,200 ล้านบาท และในเดือน ต.ค.จะมีการปรับโฉมใหม่ของสาขาแจ้งวัฒนะ รวมทั้งจะมีการจัดงานโฮมโปรเอ็กซ์โปอีกครั้ง และในปลายปีจะจัด super sales
"ในครึ่งปีหลังมองว่ารัฐบาลมีรัฐบาลใหม่ เห็นได้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค. สูงสุดในรอบ 3 เดือน และภาคอสังหาฯมีการโอนบ้านให้ลูกค้าจำนวนหาก ซึ่งหากไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองรุนแรง น่าจะมองทิศทางที่โปร่งใส และช่วยด้านอารมณ์ซื้อของผู้บริโภคได้"นายณัฎฐ์ กล่าว
และในปี 54 บริษัทตั้งงบลงทุนจำนวน 3,000-4,000 ล้านบาท ใช้ในการเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม รวมถึงการจัดซื้อที่ดินรองรับการเปิดสาขาในปีนี้และปีหน้า ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกได้ใช้งบลงทุนไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท
สำหรับในปี 55 บริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาอีก 8-10 แห่ง โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท/สาขา และในปี 57 ตั้งเป้าเปิดสาขาครบ 60 แห่ง ไม่รวมการเปิดสาขาที่ประเทศมาเลเซียที่คาดว่าจะเปิด 1-2 สาขา ในไตรมาส 4/55 โดยใช้เงินลงทุนสาขาละ 500-600 ล้านบาท หลังจากได้ล่าช้าจากแผนมากว่า 1 ปี เนื่องจากขณะนี้บริษัทได้รับใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดหาที่ดิน โดยบริษัทจะลงทุนเองทั้งหมด 100%
บริษัทโดยมองว่าตลาดในมาเลเซียยังมีคู่แข่งน้อย และไลฟ์สไตล์คนมาเลเซียไม่แตกต่างจากไทยมากนัก ทั้งนี้ หลังการเปิดสาขาในมาเลเซียแล้วจะขอประเมินผลก่อนจะวางแผนการขยายสาขาอื่นๆต่อไป นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองการลงทุนในประเทศแถบอาเซียน ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ดี แต่คงต้องรอความชัดเจนในหลายๆด้านก่อน
ส่วนนโยบายของรัฐบาลในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท และปรับเงินเดือน ปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท/เดือน ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัท เนื่องจากพนักงานของบริษัทส่วนใหญ่มีค่าแรงมากกว่า 300 บาท และฐานเงินเดือนเกิน 15,000 บาทอยู่แล้ว
นายณัฎฐ์ ยังกล่าวถึงการที่ราคาหุ้น HMPRO ที่ปรับขึ้นต่อเนื่องมาก 3 วันติดต่อกันว่า น่าจะเกิดจากความมั่นใจของนักลงทุนที่ผลประกอบการและยอดขายของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้