นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผุ้จัดการใหญ่ บมจ.ดิเอราวัณ กรุ๊ป (ERW) คาดว่า ในไตรมาส 3/54 ผลประกอบการจะขาดทุนลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในปีนี้นิ่งกว่าและมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่คาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาส 3/54 จะสูงกว่าไตรมาส 2/54 และงวดเดียวกันของปีก่อน แม้จะอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดอัตราการเข้าพักในช่วงไตรมาส 3/54 จะเพิ่มเป็น 68% จากไตรมาส 3/54 ที่ 67% ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,603 บาท/คืน จากไตรมาส 2/54 ที่ 1,566 บาท/คืน
ในช่วงไตรมาส 3/54 บริษัทจะมีการลงทุนในการรีแบรนด์โรงแรมที่จ.ภูเก็ต คาดใช้เงินลทุนราว 70 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมทั้งปี ยังมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีจะเติบโตที่ 4 พันล้านบาท หรือโต 20% จากปีก่อน เป็นรายได้จากโรงแรมประมาณ 3.8 พันล้านบาท ที่คาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มเป็น 72% จากปีก่อนที่ 58% และที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจเช่าพื้นที่ โดยยังคงมั่นใจว่าผลประกอบการในปี 54 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรจากปีก่อนที่ขาดทุนราว 275 ล้านบาท และคาดว่าจะจ่ายปันผลในรอบ 3 ปี โดยบริษัทมีนโยบายจ่าย 35% ของกำไรสุทธิ
นางกมลวรรณ กล่าวถึงแผนลงทุน 5 ปี (54-58) ว่า บริษัทตั้งเป้ามีโรงแรมภายใต้การบริหารงานเพิ่มเป็น 20 แห่ง จากปัจจุบันที่ 13 แห่ง โดยจะเพิ่มเป็น 16 แห่งในปี 55 บริษัทจะมีการเปิดโรงแรมไอบิส หัวหินในช่วงไตรมาส 1/55 โรงแรมเมอร์คิว ไอบิส สยาม ในช่วงไตรมาส 4/55
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้า EBITDA ภายในปี 58 เพิ่มเป็น 2.4 พันล้านบาท จากปีนี้คาดทำได้ 1.2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการขายโรงแรมอย่างน้อย 1 แห่ง เพื่อนำเป็นสินทรัพย์ในกองทุนหรือขายให้กับนักลงทุน คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 4/54
สำหรับกรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาอยู่ที่ 300 บาท/วันนั้น มองว่า จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นราว 1-2% ซึ่งเป็นการพิจารณาจากเงินเดือนพนักงาน ไม่รวมเซอร์วิสชาร์จ